มีการรายงานผลการตรวจสอบกล้องติดหมวกของตำรวจที่ไปปฏิบัติหน้าที่ ด่านตรวจสกัดคดีดาราสาวไต้หวัน กลับมายังคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว เบื้องต้นพบว่า กล้อง 3 ตัวถูกทำลายฮาร์ดดิสก์ แต่สามารถกู้ภาพคืนมาได้
วันที่ 3 ก.พ. 2566 พลตำรวจโท ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เรียกประชุมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และชุดคลี่คลายคดีดาราสาวไต้หวัน ถูกตำรวจไทยเรียกรับเงิน เพื่อติดตามความคืบหน้าการขยายผลตรวจสอบในประเด็นต่างๆ โดยเปิดเผยว่า เบื้องต้นได้รับรายงานจากกองพิสูจน์หลักฐานว่า สามารถกู้ภาพจากกล้องติดหมวกตำรวจที่ไปปฏิบัติหน้าที่ในคืนวันเกิดเหตุได้แล้ว 3 ตัว จากการตรวจสอบ ยืนยันว่า ภาพไม่ได้ถูกลบ หรือถูกอัดทับ แต่กลายเป็น "ฮาร์ดดิสก์" หรือพื้นที่จัดเก็บข้อมูลของกล้องถูกทำลาย จึงต้องใช้เทคนิคพิเศษในการกู้ภาพกลับมา ซึ่งยืนยันว่า พบภาพที่ถูกบันทึกไว้จำนวนหลายชั่วโมง แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่า มีภาพขณะที่เกิดเหตุหรือเห็นเหตุการณ์ขณะเรียกรับเงินหรือไม่
เบื้องต้น คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง อยู่ระหว่างการนำภาพที่กู้คืนมาได้ไปตรวจสอบ หากพบลักษณะที่ชี้ให้เห็นได้ว่าเป็นการกระทำผิดจริง ก็จะนำเข้าสู่สำนวนคดีต่อไป
ด้านพลตำรวจตรี ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ส่วนที่ฝ่ายสืบสวนกำลังดำเนินการตรวจสอบ คือ การหาความเชื่อมโยงกับผู้ต้องสงสัยรายอื่นๆ ซึ่งอาจมีรายที่ 7 และ 8 รวมถึงการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของตำรวจ สน.ห้วยขวาง ทั้ง 14 นาย ที่ปฏิบัติหน้าที่ในเวลานั้นทั้งหมด มาตรวจสอบเพื่อดูความผิดปกติ ซึ่งเบื้องต้นยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ว่า ตรวจสอบพบสิ่งใดหรือไม่ แต่ยืนยันได้ว่า หากผู้ต้องหามีการทำบางสิ่งบางอย่างที่คาดเดาไว้จริง จะยืนยันพฤติการณ์ ร่วมกันของกลุ่มผู้ต้องหาได้ทันที
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่า นายสกาย ชาวสิงค์โปร์ ที่เป็นผู้จ่ายเงิน 27,000 บาท ให้การยืนยันว่า วันนั้นได้จ่ายเงินเป็นธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท จำนวน 27 ใบ ให้กับตำรวจที่ไม่สวมใส่เครื่องแบบ ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบภาพวงจรปิด เพื่อติดตามว่าเงินจำนวนดังกล่าว ถูกส่งต่อไปอยู่ที่ผู้ใด