ตำรวจสอบสวนกลาง จับกุม "ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคาร" อาศัยความสนิทสนมไว้ใจแอบถอนเงิน "ยายวัย 80 ปี" มูลค่าความเสียหาย 2 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจร่วมกันจับกุม นายพรชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 52 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี ที่ 104/2566 ลงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2566 ในความผิดฐาน “ลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้างหรือที่อยู่ในความครอบครองของนายจ้าง และเป็นพนักงานของสถาบันการเงิน กระทำการหรือไม่กระทำการเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย เพื่อตนเองหรือผู้อื่น อันเป็นการเสียหายแก่สถาบันการเงิน”


พร้อมตรวจสอบทรัพย์สินอีกหลายรายการ ได้แก่ รถยนต์ยี่ห้อ BMW รุ่น X3 จำนวน 1 คัน, รถยนต์ยี่ห้อ BMW รุ่น 320D จำนวน 1 คัน, เอกสารข้อตกลง จำนวน 1 แผ่น, สุมดบัญชี TMB จำนวน 1 เล่ม, สมุดบัญชีธนาคารกสิรไทย จำนวน 7 เล่ม, เอกสารต่าง ๆ จำนวน 1 ชุด, โทรศัพท์ มือถือยี่ห้อ ไอโฟน 14 pro จำนวน 1 เครื่อง

 

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2566 ได้มีตัวแทนของทางธนาคารแห่งหนึ่ง เดินทางเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. กรณีที่นางกมล อายุ 80 ปี ซึ่งเป็นลูกค้าของทางธนาคาร เข้ามาร้องเรียนกับทางธนาคารว่า เงินในบัญชีหายไปเป็นจำนวน 2,000,000 บาท โดยจากการสืบสวนทราบว่า เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2565 นางกมล ได้เดินทางไปที่ธนาคารย่านถนนประชาอุทิศ เพื่อทำการเปิดบัญชีออมทรัพย์ พร้อมทั้งได้สมัครบัตรเดบิต และถอนเงินเพื่อจะโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารที่เปิดใหม่และโอนไปยังบัญชีของบุตรชาย โดยขณะทำธุรกรรม นายพรชัยฯ (ผู้ต้องหา) ซึ่งเป็นพนักงานธนาคารทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยผู้จัดการคอยให้บริการกับลูกค้า ได้เข้ามาดูแล และช่วยทำธุรกรรมให้นางกมลฯ โดยได้มีการนำเอกสารมาให้นางกมลฯ ลงลายมือชื่อ จำนวน 2 ฉบับ โดยผู้ต้องหาได้แอบนำใบคำขอถอนเงินเขียนยอดเงินจำนวน 2,000,000 บาท มาให้นางกมลฯ ลงลายมือชื่อด้วย จากนั้นได้ทำการถอนเงินออกจากบัญชีของนางกมลฯ จำนวน 2,000,000 บาท และนำสมุดบัญชี พร้อมบัตรเดบิตมามอบคืนให้กับผู้เสียหาย

 

ต่อมานางกมล ได้ตรวจพบว่าเงินในบัญชีของตนหายไป จำนวน 2,000,000 บาท จึงได้ร้องเรียนกับทางธนาคารว่าตนไม่เคยเบิกถอนเงินสดยอดดังกล่าวมาก่อนแต่อย่างใด



ต่อมา พนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. ได้ทำการรวบรวมพยานขออนุมัติหมายจับนายพรชัยฯ ในความผิดฐานดังกล่าว อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 334 (11) และพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน มาตรา 147 ประกอบมาตรา 145 จนกระทั่งวันที่ 3 ก.พ. 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.๕ บก.ปอศ. จึงได้นำหมายค้นเข้าทำการตรวจค้นและจับกุมนายพรชัยฯ และนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป จากการสอบถามนายพรชัย ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา



พ.ต.อ.เมฆพิศาล ศรีภิรมย์ ผกก.5 บก.ปอศ. กล่าวว่าในคดีนี้ผู้ก่อเหตุมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้จัดการธนาคาร โดยอาศัยความสนิทสนม และความไว้ใจของลูกค้า ฉวยโอกาสลงมือก่อเหตุ ซึ่งถึงแม้ว่าในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาจะให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่จากการสืบสวนสอบสวนพบว่ามีพยานหลักฐานชัดเจน ประกอบกับในคดีนี้เป็นความผิดที่มีอัตราโทษสูง และเป็นความผิดมูลฐานฟอกเงิน ซึ่งจากการตรวจสอบในเบื้องต้น พบทรัพย์สินต้องสงสัยจำนวนหลายรายการ น่าเชื่อว่าผู้ต้องหาอาจจะเคยก่อเหตุในลักษณะนี้มาก่อนหลายครั้ง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการสืบสวนสวบสวนขยายผลดำเนินคดีให้ถึงที่สุด