นายฮ้อย ขอนแก่น ท้อ ราคาเนื้อวัว ตกต่ำมาก หลังเนื้อส่งออกไม่ได้ ต้องแบกรับทุนและราคาตกกว่าตัวละหมื่นบาท วอนรัฐแก้ปัญหาด่วน
บรรยากาศการซื้อขายโค-กระบือ ที่ตลาดนัดโค-กระบือ บ.เต่านอ ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งจัดขึ้นทุกวันอาทิตย์ โดยพบว่า วันนี้มีพ่อค้าวัวหรือนายฮ้อย จากหลายจังหวัดในภาคอีสานได้นำวัวและควายมาจำหน่ายจำนวนมาก โดยหลายคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ราคาขณะนี้ตกต่ำลงอย่างมาก และตกต่ำลงมาตั้งแต่ก่อนช่วงปีใหม่ คาดสาเหตุที่โคมีราคาตก เนื่องจากประเทศเวียดนามระงับการนำเข้าโคขุนจากไทย หลังพบสารเร่งเนื้อแดง จนทำให้พ่อค้าวัวจากทางภาคกลางที่เคยมารับซื้อวัวในภาคอีสานไม่เดินทางมาซื้อเหมือนแต่ก่อน
นายสุทัศน์ จิตรจันทร์ อายุ 29 ปี กล่าวว่า ยอมรับว่าขณะนี้ราคาวัวตกลงมากเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้านี้วันนี้นำวัวมาขาย 9 ตัว ซึ่งก็ขายออกไปเพียงตัวเดียวเท่านั้น โดยส่วนตัวเชื่อว่าเกิดจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศและเกษตรกรผู้เลี้ยงวัวอยากจะขายวัวออก และต่างประเทศก็เข้ามาซื้อในประเทศเราไม่ได้
“พ่อค้าจากภาคกลางที่เคยมาซื้อวัวที่บ้านเราไปขายต่างประเทศช่วงนี้ก็ไม่มาเพราะไม่สามารถส่งออกเนื้อวัวได้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าปัญหาเกิดจากตรงไหน ตลาดนัดวันนี้จึงเป็นการซื้อขายกันเองระหว่างพ่อค้าในพื้นที่จึงทำให้ราคาวัวตกต่ำลงขณะเดียวกันหญ้าที่นำมาให้วัวกินจะหายากเนื่องจากเข้าสู่ช่วงฤดูแล้ง จึงมีแต่คนอยากจะขายวันและกระบือออกไปเพราะว่าไม่อยากแบกต้นทุนไว้”
ราคาวัวก่อนหน้านี้ตัวละ 50,000-60,000 บาท แต่ตอนนี้ราคาซื้อขายกันประมาณ 40,000 บาทหรือต่ำกว่านั้นก็มี ซึ่งถือว่าราคาตกลงอย่างมากเกษตรกรอยากจะขายออกถ้าราคาวัวยังเป็นแบบนี้อยู่ ส่วนเรื่องราคาจะขึ้นจะลงยังไม่สามารถคาดการณ์ได้เพราะต้องรอดูว่าจะสามารถส่งออกเนื้อวัวไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้อีกทีตอนไหนตอนนั้นอาจจะราคากลับมาดีอีกครั้งก็ได้
ด้าน นายบุญมา ศรีชมชื่น อายุ 58 ปี กล่าวว่า ช่วงนี้ราคาวัวเนื้อตกต่ำลงอย่างมาก สาเหตุอาจจะมาจากพ่อค้าแม่ค้าตามเขียงเนื้อขายเนื้อไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน หากลงทุนไป 1 ตัว ขาย 3-4 วันถึงจะหมด จากแต่ก่อนเคยรับไปขาย 10 กิโลกรัมก็เหลือคนละ 2-3 กิโลกรัม ซึ่งถ้าพ่อค้าแม่ค้าขายไม่หมดภายใน 2 วันก็ถือว่าขาดทุน ถ้าแช่ไว้นานก็ถือว่าเป็นเนื้อเก่าคนก็จะไม่ซื้อไปบริโภค
“ราคาวัวแต่ก่อนเคยขายได้ 45,000 บาท ตอนนี้เหลืออยู่ 35,000 บาท หายไป 10,000 บาท ทำให้คนเลี้ยงวัวไม่อยากจะเลี้ยงต่อไปเนื่องจากราคาที่ขายได้ไม่คุ้มค่ากับหัวอาหารที่เราเลี้ยงมา”