นำตัว 5 เยาวชนควงปืนปล้นใบกระท่อมส่งฝากขังศาลเยาวชนและครอบครัว

พนักงานสอบสวน สภ.นางรอง นำตัว 5 เยาวชนชายอายุ 13 – 16 ปี   ที่ก่อเหตุควงปืน 2 กระบอกปล้นใบกระท่อมร้านที่วางขายริมทาง   ส่งฝากขังศาลเยาวชนและครอบครัวจ.บุรีรัมย์ ขณะจุดเกิดเหตุไม่มีคนมาขายใบกระท่อมแล้ว ตร.จ่อเรียกผู้เสียหายสอบเพิ่มก่อนสรุปสำนวนส่งอัยการ

 

ความคืบหน้ากรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นางรอง  จ.บุรีรัมย์    ได้จับกุมเยาวชนชายอายุตั้งแต่ 13 – 16 ปี รวมจำนวน 5 คนได้ที่บ้านพัก  หลังจากผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ว่าถูกเยาวชนทั้ง 5 คน  ใช้อาวุธปืน 2 กระบอก คือ ปืนปากกา และปืนไทยประดิษฐ์  บุกปล้นใบกระท่อมที่ตั้งขายอยู่ริมถนนทางหลวงหมายเลข 24 โชคชัย-เดชอุดม  บริเวณตรงข้ามกับสำนักงานเทศบาลเมืองนางรอง  อ.นางรอง  เมื่อเวลา 16.00 น. (วันที่ 3 ก.พ.66) ที่ผ่านมา  โดยหนึ่งในเยาวชนได้ใช้ปืนยิงขึ้นฟ้าเพื่อข่มขู่ ก่อนจะชิงเอาใบกระท่อมที่วางขายไปจำนวน 2 ถุง รวมทั้งหมด 2 กิโลกรัม  แล้วขับรถจักรยานยนต์ที่ใช้ประกอบเหตุหลบหนีไป    ก่อนจะถูกตำรวจติดตามจับกุมตัวได้พร้อมของกลางอาวุธปืน 2 กระบอก และใบกระท่อมที่ชิงเอาไปเหลืออยู่ 1 กิโลกรัม    โดยเยาวชนที่ก่อเหตุอ้างว่าชนวนเหตุในการก่อเหตุ  เกิดจากไม่พอใจที่ลูกชายพ่อค้าขายใบกระท่อมเคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทและเคยปาระเบิดใส่ก่อน จึงได้มาเอาคืน โดยเบื้องต้นเยาวชนทั้ง 5 คนถูกแจ้งข้อหา “ร่วมกันปล้นทรัพย์ และร่วมกันมีอาวุธปืนโดยไม่รับอนุญาต” 

 

ล่าสุดวันนี้ (6 ก.พ.66) ผู้สื่อข่าวรายงาน  พนักงานสอบสวน สภ.นางรอง  ได้นำตัวเยาวชนทั้ง 5 คน  ส่งฝากขังที่ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดบุรีรัมย์แล้ว   โดยไม่ได้อนุญาตให้ประกันตัวในชั้นสอบสวน   ซึ่งการนำตัวเยาวชนส่งฝากขังที่ศาลฯ  ก็ได้มีผู้ปกครองเด็กเดินทางไปด้วย  เพื่อทำเรื่องยื่นขอประกันตัวในชั้นศาลฯ    ซึ่งล่าสุดจากการตรวจสอบทราบว่าศาลฯ ได้มีพิจารณาอนุญาตให้ประกันตัวเยาวชนทั้ง 5 คนได้  โดยใช้หลักทรัพย์คนละ 2 หมื่นบาท 

 

ขณะเดียวกันพนักงานสอบสวนก็เตรียมเรียกผู้เสียหายมาสอบปากคำเพิ่มเติม   เพื่อประกอบสำนวนคดี   ก่อนจะรวบรวมพยานหลักฐานส่งพนักงานอัยการตามกระบวนการขั้นตอนต่อไป   ส่วนกรณีที่เยาวชนอ้างว่าถูกเสียหายปาระเบิดใส่ก่อน จึงได้มาก่อเหตุเพื่อเอาคืนนั้น  ก็ต้องมีการสอบสวนเช่นกัน

 

อย่างไรก็ตามจากการลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ  พบว่าไม่มีคนมาตั้งขายใบกระท่อมริมถนนแต่อย่างใด     ผู้สื่อข่าวก็พยายามติดต่อผู้เสียหายเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมแต่ผู้เสียหายแจ้งว่าไม่สะดวก