เด็ก ม.1 ถูกรุ่นพี่ ม.3 บังคับสูบกัญชาห้องน้ำโรงเรียน ก่อนหมดสติ-หัวใจหยุดเต้น หามส่งตัวโรงพยาบาล ก่อนถูกขู่ให้ยอมรับว่าไม่ได้ถูกบังคับให้สูบ ด้านโรงเรียนปัดความรับผิดชอบ
วันที่ 10 ก.พ.66 สืบเนื่องจากวานนี้ (9 ก.พ.66) เวลา.18.00 น. นางวันนิสา โทบุตรดี อายุ 42 ปี แม่ของเด็กชายณัฐวุฒิ จิน๊ะ อายุ 14 ปี เด็กนักเรียนชั้น ม.1 โรงเรียนโคกสำโรงได้เข้าร้องเพจสายไหมต้องรอด หลังลูกชายถูกรุ่นพี่ ม.3 บังคับให้สูบกัญชา ภายในห้องน้ำของโรงเรียน โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 2 ก.พ. ที่ผ่านมา จนทำให้หมดสติ และมีอาการหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ ต้องนำตัวส่งโรงพยาบาล
ทางด้านน้องณัฐวุฒิ จิน๊ะ เล่าว่าวันเกิดเหตุ เป็นเวลาเที่ยงพักทานอาหารกลางวัน หลังทานเสร็จตนเองรู้สึกปวดท้องอยากจะเข้าห้องน้ำ จึงได้วิ่งไปเข้าห้องน้ำ จนได้มาเจอรุ่นพี่ ม.3 สองคน ที่กำลังสูบกัญชากันอยู่ และได้เรียกให้ตนเองเข้าไปหา ตนเองไม่อยากไปจึงอ้างไปว่าจะต้องขึ้นห้องเรียนแล้ว ก่อนรุ่นพี่จะพูดจาบังคับและดึงตัวเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนจะยื่นบ้องกันชาให้พร้อมกับยัดกัญชาลงไปในปากบ้อง และบังคับให้ตนเองดูดจนสำลักไป จำนวน 2 ครั้ง และปล่อยให้กลับขึ้นห้องไป ตอนนั้นอาการเริ่มจะไม่ไหวแล้ว พอไปถึงห้องเรียนก็ได้ไปฟุบตัวอยู่ที่ขาของเพื่อนและขอน้ำดื่ม ก่อนจะอ้วกออกมา เพื่อน ๆ จึงพาตัวไปนอนอยู่หลังห้องเรียน ก่อนจะมารู้ตัวอีกที่คือตอนที่คุณครูกำลังช่วยทำ CPR เพื่อปั๊มหัวใจ และนำตัวไปส่งโรงพยาบาลโคกสำโรง โดยทางเพื่อน ๆ ของน้องได้โทรแจ้งทางแม่น้องว่าน้องเป็นอะไรไม่รู้ตัวเหลือง หมดสติ และหัวใจหยุดเต้น ทำให้แม่ตกใจรีบเดินทางไปที่โรงเรียน ก่อนคุณครูจะโทรมาแจ้งว่าน้องหมดสติย้ายน้องไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลแล้ว
จากนั้นทางคุณแม่จึงได้ไปที่โรงพยาบาลโคกสำโรง และได้พูดคุยกับทางคุณหมอ โดยทางคุณหมอให้ทางแม่เฝ้าดูอาการน้องอย่างใกล้ชิด เพราะเคสนี้เสี่ยงหัวใจวายเฉียบพลันมาก ทางคุณแม่จึงได้โทรสอบถามทางโรงเรียน ทางโรงเรียนแจ้งว่า น้องถูกรุ่นพี่ ม.3 บังคับให้สูบกัญชา และได้ทราบตัวเด็กที่ก่อเหตุแล้ว
คุณแม่กล่าวว่า ทางด้านน้องณัฐวุฒิ ได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลโคกสำโรงเป็นเวลา 5 วัน ตลอดระยะเวลาที่อยู่โรงพยาบาลทางโรงเรียนไม่เคยติดต่อมาเพื่อสอบถามอาการเด็กเลย มีแต่แม่ที่ติดต่อไปหาโรงเรียนเอง หลังโทรติดต่อไปก็มี ผอ. นำกระเช้ามามอบให้ในวันอาทิตย์ และก็เงียบหายไป ก่อนจะติดต่อมาในวันอังคาร วันที่น้องออกจากโรงพยาบาลพอดี และกลับคำพูดกับคุณแม่ว่าน้องไม่ได้ถูกบังคับแต่น้องไปซื้อกัญชามาจากเด็ก ม.2 และเต็มใจสูบเองพร้อมอุปกรณ์ก็เป็นของน้องเอง โดยทางคุณครูอ้างว่าได้สืบหาข้อมูลภายในโรงเรียน และหลักฐานจากกล้องวงจรปิดห้องน้ำ โดยเห็นน้องวิ่งเข้าไปอ้วก โดยมีเด็กอีกคนมาลูบหลังให้ และได้ไปสอบถามเด็กที่ลูบหลัง โดยไม่รู้เลยว่าเด็กที่ลูบหลังนั้นเป็นคนเดียวกับที่บังคับน้องสูบกัญชานั่นเอง และเด็กคนนั้นอ้างว่าน้องเป็นคนผิด โดยทางโรงเรียนไม่เคยมาสอบถามพูดคุยกับน้องเลยสักครั้ง แต่ทางโรงเรียนดันมาปักใจเชื้อว่าน้องผิดได้ยังไง คุณแม่จึงนำหลักฐานแช็ตที่ น้องณัฐวุฒิถูกรุ่นพี่ 2 คน ส่งข้อความมาขู่ว่าให้ยอมรับไปคนเดียวและไม่ได้ถูกบังคับให้สูบ และรับว่ากัญชาเป็นของน้อง และน้องเสพแต่เพียงผู้เดียว คุณแม่ไม่อยากให้ทางโรงเรียนปัดความรับผิดชอบทิ้ง และกลัวน้องไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงมาร้องเพจสายไหมต้องรอดให้ช่วยเหลือ
ทางด้านนายเอกภพ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กล่าวว่าเรื่องนี้สำคัญมาก ไม่อยากให้ทางโรงเรียนปัดความรับผิดชอบ เพราะนี่เป็นเรื่องความเป็นความตายได้เลย เพราะน้องถึงขั้นมีอาการหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ ต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลถึง 5 วัน และยังต้องกลับมาดูอาการต่อที่บ้าน วันแรกที่ออกจากโรงพยาบาลยังมีอาการมึนทำให้ตกมอเตอร์ไซค์อีกด้วย และยังต้องเข้าพบหมอตามนัด เพื่อเช็กระบบประสาท และระบบหัวใจต่อ ๆ ไปอีก โรงเรียนจะมาปัดความรับผิดชอบไม่ได้โดยเด็ดขาด เพราะทางด้านน้องก็ได้ให้การชัดเจนว่ากัญชาและบ้องกัญชานั้นเป็นของรุ่นพี่จริง ๆ และถูกบังคับให้สูบจริง ๆ นายเอกภพกล่าวว่าในวันนี้จะพาทางด้านน้องและแม่ไปแจ้งความ ที่ สภ.โคกสำโรง จังหวัดลพบุรี และจะติดต่อให้สำนักงานเขตการศึกษาจังหวัดลพบุรีลงมาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจังด้วย