วาเลนไทน์นี้! เช็กดีๆ "อย." เลือกขนาดถุงยางให้เหมาะ ดูวันหมดอายุ และสวมชั้นเดียวป้องกันฉีดขาด ปลอดภัยจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
วันนี้ (11 ก.พ.66) นพ.วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า เทศกาลวันแห่งความรักในวันที่ 14 ก.พ.นี้ คู่รักหลายคู่มีการแสดงความรักด้วยการมีเพศสัมพันธ์ในวันวาเลนไทน์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จึงตระหนักถึงความสำคัญของการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน หรือปัญหาการใช้ถุงยางอนามัยไม่ถูกต้องและไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงโรคติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ และการตั้งครรภ์โดยไม่พร้อม โดยสามารถป้องกันได้ง่ายและเป็นพื้นฐาน คือ การใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้อง
นพ.วิทิต กล่าวว่า ถุงยางอนามัย จัดเป็นเครื่องมือแพทย์ ต้องมีใบอนุญาตหรือใบรับแจ้งรายการละเอียดในการผลิตหรือนำเข้า ซึ่งตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2556 กำหนดให้มีมาตรฐานและข้อกำหนดตาม มอก. 625-2559 หรือ ISO 4074 : 2015 ถุงยางอนามัยถือเป็นอุปกรณ์คุมกำเนิดที่นิยมใช้กันมากที่สุด สามารถป้องกันการตั้งครรภ์โดยไม่พร้อม และสามารถป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ เช่น โรคซิฟิลิส โรคหนองใน โรคหนองในเทียม โรคแผลริมอ่อน โรคกามโรคของต่อมและท่อน้ำเหลือง และโรคเริม เป็นต้น ในปัจจุบันมีความหลากหลายมากขึ้น เช่น มีความบาง มีหลายสี หลายกลิ่น และหลายพื้นผิว เพื่อตอบสนองความต้องการและความพึงพอใจของผู้ใช้
"ประชาชนควรเลือกซื้อถุงยางอนามัยที่มีเลขใบอนุญาตเครื่องมือแพทย์หรือใบรับแจ้งรายการละเอียด ที่ได้รับรองจาก อย. ควรสังเกตดูวันที่ผลิต วันหมดอายุก่อนซื้อ ใช้ให้เหมาะสมกับขนาดของอวัยวะเพศ และสวมเพียงชั้นเดียวเท่านั้น เพราะการใส่ถุงยางอนามัยหลายชั้นจะทำให้เกิดการเสียดสีกันและฉีกขาดได้" นพ.วิทิต กล่าว
นอกจากนี้ ไม่ควรใช้น้ำมันทาผิว โลชั่นหรือปิโตรเลียมเจลลี แทนสารหล่อลื่น เพราะถุงยางอนามัยจะเสื่อมประสิทธิภาพและฉีกขาดได้ง่าย รวมทั้งควรเก็บรักษาให้ถูกวิธี เพื่อคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพที่สูงสุด ควรเก็บถุงยางอนามัยในที่แห้ง เย็น ไม่ถูกแสงแดดหรือแสงฟลูออเรสเซนต์ ไม่ควรเก็บถุงยางอนามัยไว้ในช่องเก็บของรถยนต์ซึ่งมีอุณหภูมิสูงในตอนกลางวัน กระเป๋าใส่ธนบัตร หรือกระเป๋ากางเกงด้านหลัง เพราะการกดทับจะทำให้ถุงยางอนามัยมีรอยรั่วหรือฉีกขาดได้