ลั่น "ฆ่าได้หยามไม่ได้" พ่อค้าในตลาดสด อ.สตึก บุรีรัมย์ วัย 35 ปี ถือคัตเตอร์ล็อกคอหนุ่มส่งน้ำแข็งวัย 41 ปี ฉุนเตือนหลายครั้งไม่ให้ไปเกาะแกะกับเมียที่ขายปลาทูในตลาดสด อ้างแค่จะขู่แต่พลาดไปโดนโหนกแก้ม
วันที่ 12 ก.พ. 2566 ร.ต.อ.การุณ จันทร์ดอก รองสารวัตรสอบสวน สภ.สตึก จ.บุรีรัมย์ รับแจ้งมีเหตุทำร้ายร่างกายกันในตลาดสดเทศบาลสตึก มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จึงประสานหน่วยกู้ภัยวังกรูด อ.สตึก เข้าร่วมตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบนายไพรัตน์ อายุ 41 ปี พนักขับรถส่งน้ำแข็งของโรงงานแห่งหนึ่งใน อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ ถูกของมีคมเฉือนตั้งแต่บริเวณริมฝีปากซ้ายยาวไปโหนกแก้มยาวประมาณ 10 ซม. กู้ภัยรีบนำส่งโรงพยาบาล เพราะเป็นแผลยาวและลึก
ผู้ก่อเหตุคือนายยุทธพงษ์ อายุ 35 ปี ได้หลบหนีไป แล้วย้อนมามอบตัวกับตำรวจ โดยนายยุทธพงษ์ ให้การรับสารภาพว่า ได้ลงมือก่อนเหตุจริง สาเหตุเพราะไม่พอใจที่นายไพรัตน์ พยายามไปเกาะแกะกับภรรยาตนที่ขายปลาทูอยู่ในตลาดสด
นายยุทธพงษ์ เล่าด้วยว่า ที่ผ่านมา มีแม่ค้าในตลาดสดมาเตือนหลายครั้งว่าให้ระวังคนส่งน้ำแข็ง "เดี๋ยวเมียจะหาย" จึงพยายามเฝ้าดูและเตือนแล้ว ทั้งยังเปลี่ยนรับน้ำแข็งเจ้าใหม่ แต่ทั้งภรรยาและคนส่งน้ำแข็ง ยังไม่เลิกรา ยอมรับทนไม่ไหว "ฆ่าได้หยามไม่ได้"
ก่อนเกิดเหตุได้เตรียมคัตเตอร์เอาไว้ แล้วไปดักรอนายไพรัตน์มาส่งน้ำแข็งในตลาด ยอมรับตอนแรกคิดจะฆ่า แต่เปลี่ยนวิธีมาพูดคุยกันเพียงแค่จะเอาคัตเตอร์ไปขู่เท่านั้น แต่เกิดการชุลมุนกันเกิดขึ้นทำให้คัตเตอร์บาดใบหน้า ไม่ได้หวังจะปาดคอแต่อย่างใด
ขณะที่ นายไพรัตน์ ผู้บาดเจ็บ บอกว่า ตอนเช้าไปส่งน้ำแข็งตามปกติ เห็นนายยุทธพงษ์ได้ปรี่เข้ามาแล้วพูดว่า "เมื่อไรมึงจะเลิกยุ่งกับเมียกู" ก่อนจะเข้ามาล็อกคอ ชักมีดออกมาจึงพยายามดิ้นเพื่อเอาตัวรอด กระทั่งมีดบาดใส่ใบหน้า ตอนนี้หมอเย็บแล้ว 13 เข็ม ส่วนตัวเชื่อว่านายยุทธพงษ์ต้องการจะเอามีดปาดคอตนอย่างแน่นอน เพราะมีการบีบคอและล็อกเอาไว้เหมือนกำลังจะเชือด ยืนยันไม่มีอะไรกับภรรยานายยุทธพงษ์ ที่ผ่านมาแค่จับมือถือแขนตามประสาคนสนิทกัน ไม่เคยคิดเกินเลย
เบื้องต้นตำรวจได้ตั้งข้อหานายยุทธพงษ์ ข้อหาทำร้ายร่างกาย เอาไว้ก่อน