สายสู้! ชูวิทย์ชี้เป็นประชาชนต่อสู้กับความยุติธรรมต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ชี้อัยการ"หญิงเหล็ก" ไม่ใช่ "หญิงหงอ" หากไม่กล้าทั้งระบบ อยู่ไปก็เปลืองภาษีประชาชน
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นักธุรกิจและอดีตนักการเมือง โพสต์เฟซบุ๊กล่าสุดเกี่ยวกับเรื่องควานหาความยุติธรรม การต่อสู้กับ “ความยุติธรรม” หมายถึง ตำรวจ (ต้นน้ำ) อัยการ (กลางน้ำ) ศาล (ปลายน้ำ)
เมื่อกระบวนการยุติธรรมไม่ให้ความเป็นธรรม ไม่มีคุณธรรม ประชาชนต้องลุกขึ้นต่อสู้ด้วยตัวเองอย่างปราศจากความกลัว ผมในฐานะประชาชนจะขอใช้สิทธิในการเรียกร้องความยุติธรรมให้กลับคืนสู่สังคม ไม่ว่าการต่อสู้นี้จะนาน และยากลำบากแค่ไหน ผมเชื่อว่ามีคนอีกมากพร้อมจะร่วมต่อสู้กับผม
วันนี้ไปขอพบ “อัยการสูงสุด” เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนถึงพฤติการณ์ของอัยการบางคนที่สั่ง “ไม่ฟ้อง” และ “ถอนหมายจับ” คดีค้ามนุษย์ ทั้งที่คดียังอยู่ในกระบวนการศาลขัดต่อ “หลักเหตุผล” และ “หลักกฎหมาย” แต่ไม่ขัด “หลักการเงิน” ยิ่งจ่ายมาก ยิ่งมีโอกาสหลุดมาก และเหมือนเคย “ไม่ได้เข้าพบ” แม้ว่าท่านจะนั่งอยู่ในห้อง และมีการประสานงานมาแล้ว ไม่ทราบว่า ท่านนารี ตัณฑเสถียร จะกลัวอะไรหนักหนา? ผมเป็นประชาชนมาหา “ทนายแผ่นดิน” หากจะอ้างว่า “เมื่อให้ผมพบ ก็ต้องให้ใครต่อใครพบไปหมด”
ขอเรียนให้ทราบว่า หากท่านคิดอย่างนั้นจริงก็อย่าไปเป็น “อัยการสูงสุด” เลยครับ ท่านเป็นสุภาพสตรี ต้องดำรงตำแหน่งนี้อย่าง “หญิงเหล็ก” ไม่ใช่เป็น “หญิงหงอ” ขี้กลัว มัวเก็บตัวอยู่ในห้อง แต่ตอนแถลงข่าวเห็นออกมาจีบปากจีบคอพูดดูเสมือนเป็นกันเอง ท่านจะอำนวยความยุติธรรมให้ชาวบ้านได้อย่างไร เมื่อเท้าท่านไม่สัมผัสพื้นดินให้รู้ซึ้งถึงรสชาติของ “ความอยุติธรรม” ที่ประชาชนอย่างพวกกระผมได้รับ
ความเท่าเทียมไม่เกิด เพราะมีอัยการบางคนรับผลประโยชน์ในการสั่งคดี “ไม่ฟ้อง” ช่วยเหลือ ถอนหมายจับ โดยที่คดียังไม่สิ้นสุด และมีพยานเป็นอัยการด้วยกันยืนยัน
ส่วนหลักฐานคือ “คำพิพากษาของศาลสูง” ที่วินิจฉัยกลับให้ลงข้อหา “ค้ามนุษย์” และบอกว่าที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยพาดพิงไปถึงจำเลยในคดีอื่นว่าบริสุทธิ์นั้น “ไม่ชอบ” เพราะจำเลยไม่ได้อยู่ในคดีที่ตัวเองพิจารณา
แต่อัยการเจ้ากรรมก็ดันรีบ “ฉวยโอกาสทอง” นำเอาคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่วินิจฉัยไม่ชอบ ไปขอถอนหมายจับ และสั่งไม่ฟ้อง จนกระบวนการสิ้นสุด ปล่อยจำเลยลอยนวล ทั้งๆ ที่เป็นเพียงศาลชั้นต้น และจำเลยยังหลบหนีคดีอยู่ ต่อมามีการวิ่งเต้นอีก ไม่ให้อัยการดีๆ เขายื่นอุทธรณ์ แต่ไปเจออัยการหญิงเจ้าของสำนวนไม่ยอมเอาด้วย ยืนยันขออุทธรณ์ จนศาลอุทธรณ์ตัดสินลงโทษ
ท่านนารี อัยการสูงสุด ควรปรับปรุงพฤติกรรม และทัศนคติเสียใหม่ ให้สอดคล้องกับโลกยุคปัจจุบัน ในการอำนวยความยุติธรรมให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง และเป็นผู้ยืนอยู่ในความถูกต้องของหลักกฎหมาย และเหตุผล ท่านต้องปกป้องสถาบันอัยการของท่านเอง เอาอัยการไม่ดีออก และปัดกวาดระบบยุติธรรมกลางน้ำเสีย หากเรื่องแค่นี้ท่านไม่กล้าทำ อยู่ไปก็เปลืองเงินเดือนภาษีอากรของผมที่เอาไปให้ท่าน ลาออกไปเถอะครับ