"คนเสื้อแดง"และ"คนเสื้อเหลือง" ชาวร้อยเอ็ดเปิด "หมู่บ้านเทิดไท้องค์ราชัน" ประกาศดังลั่น "อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี"
15 ก.พ.66 ณ ศาลากลางบ้านหนองม่วงส้ม ต.โหรา อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด นายอานนท์ แสนน่าน ประธานหมู่บ้านเทิดไท้องค์ราชันแห่งประเทศไทย นางนิตยา นาโล หรือ "นักสู้ปอสี่" ประธานหมู่บ้านเทิดไท้องค์ราชันภาคอีสาน นายสงกา มูลพิรัตน์ กำนันตำบลโหรา นายสะอาด อินทรไธสง ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลโหรา นายมะณีเรือง สุระมะณี ผู้ใหญ่บ้านหนองม่วงส้ม นายศักดิ์ชัย ปะวิสุทธิ ผอ.โรงเรียนบ้านหนองย่างวัว นางสาวลำเพย สัตยาหัวหน้าคุณครู กศน. นักการเมืองท้องถิ่น และ ประชาชน จำนวนมากร่วมผนึกกำลังกับ "คนเสื้อแดง" และ "คนเสื้อเหลือง" ในพื้นที่อำเภออาจสามารถ และ อำเภอต่าง ๆ ของจังหวัดร้อยเอ็ด เปิด "หมู่บ้านเทิดไท้องค์ราชัน" พร้อมประกาศดังลั่น “อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี” ตามแนวทาง “แรมโบ้” นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้ประชาชนออกมาแสดงพลังแห่งความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ที่เป็นเสาหลักของพสกนิกรชาวไทยทั้งประเทศ
นายอานนท์ แสนน่าน ประธานหมู่บ้านเทิดไท้องค์ราชันแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การประกาศเปิดหมู่บ้านเทิดไท้องค์ราชัน ครั้งนี้ เพื่อต้องการสนับสนุน ม.112คงเอาไว้และให้ประชาชนผู้มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ออกมาแสดงพลังรณรงค์กัน ไม่อยากให้เป็นพลังเงียบเพราะตอนนี้ยังมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีที่ทำกิจกรรมจาบจ้วงสถาบัน และ ต้องการล้มล้างสถาบัน พวกเราพสกนิกรชาวไทยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงทุกพระองค์ ที่มีแผ่นดินไทยมาได้จนถึงทุกวันนี้ก็เพราะว่าพวกเรามี “พระมหากษัตริย์ที่ยึดเหนี่ยวจิตใจคนไทยทุกคน
นายอานนท์ กล่าวอีกว่า การเปิดหมู่บ้านเทิดไท้องค์ราชันเราจะมีกิจกรรมการมอบป้าย "หมู่บ้านเทิดไท้องค์ราชัน" ให้ตัวแทนหมู่บ้านทั้ง 30 หมู่บ้าน เสร็จแล้วพากันแห่ป้ายหมู่บ้านไปยังทางเข้าหมู่บ้านเพื่อทำพิธีตอกตะปูติดตั้งป้าย พร้อมกับประกาศให้เป็น "หมู่บ้านเทิดไท้องค์ราชัน" และนำมวลชนประกาศกึกก้องดังไปทั่วอำเภอ "อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี" แล้วเราจะขยายไปตามอดีตหมู่บ้านเสื้อแดงที่ตนเคยเปิดเอาไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย จนครบ 28,850 หมู่บ้าน เพื่อเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ของ ประชาชนชาวไทยที่มีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะสถาบันพระมหากษัตริย์ที่พวกเราคนไทยต้องซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของแต่ละพระองค์ “ถ้าไม่มีพระมหากษัตริย์ พวกเราคงไม่มีผืนแผ่นดินไทย อยู่มาถึงทุกวันนี้ให้ลูกหลานและพวกเราได้พำนักอยู่อาศัยดำรงชีวิต อยู่ดีกินดีด้วยพระบารมีแผ่ไพศาล ทั่วโลกล้วนแซ่ซ้องสรรเสริญ เพราะพระมหากษัตริย์ไทยทรงพระปรีชาสามารถหาที่สุดไม่ได้”