ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เรียกประชุมติดตามความหน้าการตรวจสอบข้อมูลปม "สารวัตรซัว" เอี่ยวเว็บพนัน พบ 60 บริษัท 150 คนเชื่อมโยงกันอย่างน่าสงสัย
วันที่ 16 ก.พ.66 พันตำรวจเอก ศิริวัฒน์ดีพอโฆษกกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเปิดเผยภายหลังการประชุมวันนี้ว่า จากการตรวจสอบของที่ประชุมในเบื้องต้นพบว่า ขณะนี้เส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายของสารวัตรซัว ไปถึงบุคคลต่างๆทั้งในวงการตำรวจและอีกหลากหลายวงการรวมแล้วมากกว่า 150 คน และยังมีเส้นทางการเงินไปถึงองค์กรการกุศลและสหกรณ์ต่างๆทั้งในประเทศและต่างประเทศรวมมากกว่า 60 องค์กร บางองค์กรเพิ่งเปิดทำการแต่บางองค์กรมีการเปิดทำการมาเป็นเวลานานแล้ว วัตถุประสงค์ในการเปิดองค์กรและสหกรณ์ต่างๆก็แตกต่างกันออกไป บางองค์กรเกี่ยวข้องกับเรื่องทางธุรกิจบางองค์กรเกี่ยวข้องกับเรื่องทางการกุศล ด้วยจำนวนและปริมาณของบุคคลต่างๆที่ต้องตรวจสอบจำนวนมากคณะทำงานจึงต้องใช้เวลาในการตรวจสอบเส้นทางการเงินและบุคคลต่างๆที่เกี่ยวข้องทั้งหมดนี้อย่างละเอียดและหากพบว่ามีความเกี่ยวข้องชัดเจนก็จะดำเนินการออกหมายเรียกบุคคลต่างๆที่เกี่ยวข้องทั้ง 150 คนและผู้ที่เกี่ยวข้องกับ 60 องค์กรและสหกรณ์เข้ามาสอบปากคำ
ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าหากมีจำนวนคนและองค์กรต่างๆมากมายขนาดนี้จะทำให้การดำเนินการล่าช้าจนทำให้เกิดการทำลายพยานหลักฐานขึ้นหรือไม่ เรื่องนี้พันตำรวจเอกศิริวัฒน์ยืนยันว่า จะเร่งดำเนินการตรวจสอบให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุดเพราะการกระทำการตรวจสอบทางคดีด้วยความล่าช้าถือว่าเป็นการช่วยเหลือและเปิดโอกาสให้ผู้ต้องหาหลบเลี่ยงทำลายพยานหลักฐานได้ ซึ่งตำรวจทราบในส่วนนี้ดีและจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด
ส่วนกรณีที่มีการเปิดเผยชื่อของพลตำรวจโท จ. จะมีรายชื่ออยู่ในจำนวน 150 คนนี้หรือไม่ พันตำรวจเอกศิริวัฒน์ ให้ข้อมูลว่าอยู่ระหว่างการตรวจสอบในเรื่องดังกล่าว และยังไม่ขอกล่าวถึงรายละเอียดในเรื่องนี้แต่หากพบว่ามีพยานหลักฐานไปถึงนายพลคนดังกล่าวจริงคณะทำงานก็จะต้องดำเนินคดีหรือเรียกตัวมาสอบปากคำตามพยานหลักฐานที่มีทั้งหมด
ทั้งนี้เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่าพยานหลักฐานที่มีอยู่ในขณะนี้ยังไม่สามารถดำเนินคดีกับสารวัตรซัวได้ใช่หรือไม่ พันตำรวจเอกศิริวัฒน์ให้ข้อมูลว่าเนื่องด้วยพยานหลักฐานที่มีเป็นจำนวนมากจึงยังทำให้การดำเนินคดีและการแจ้งข้อกล่าวหาต่างๆ ต้องรอการตรวจสอบพยานหลักฐานให้ชัดเจนและจะมีการไปออกหมายจับบุคคลดังกล่าวต่อไป
ส่วนกรณีที่มีการร้องเรียนจากผู้ปกครองในหลายพื้นที่ว่าเว็บพนันออนไลน์ต่างๆที่ใช้ URL ของเครือข่ายเป็นต่อกรุ๊ปยังคงเปิดให้บริการและสามารถ search หาข้อมูลเข้าไปได้ตามปกตินั้น เรื่องนี้พันตำรวจเอกศิริวัฒน์เปิดเผยว่าได้มีการประสานส่งข้อมูลให้กับทางกระทรวง des เป็นผู้ดำเนินการปิดกั้นเครือข่ายแล้ว และประสานไปยัง search engine เครือข่ายต่างๆให้ช่วยปิดกั้นอีกทางหนึ่งแต่ได้รับการตอบรับว่าไม่สามารถทำได้เนื่องจากไม่ผิดกฎหมายในประเทศของ search engine นั้นๆ จึงต้องอาศัยช่องทางของกระทรวง DES ในการปิดกั้นเครือข่ายของเป็นต่อกรุ๊ปให้ได้มากที่สุด