ร้านขายของชำร้อง! ชาย 5 คน อ้างเป็น จนท.สรรพสามิต บุกค้นร้าน ก่อนยัดบุหรี่ปลอม พร้อมรีดเงินไป 5,500 บาท เหลือติดตัว 200 บาท ขู่ถ้าบอกใครจะกลับมาเอาให้หนักกว่าเดิม
วันที่ 16 ก.พ.66 ทีมงานสายไหมต้องรอด พานางสุณาภรณ์ บุญเกิด หรือ ป้าพร อายุ 75 ปี เจ้าของร้านขายของชำมาแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจ สน.บางเขน
โดยนางสุณาภรณ์ บุญเกิด หรือป้าพร อายุ 75 ปี เจ้าของร้านขายของชำ เล่าว่า วันเกิดเหตุมีผู้ชายใส่เสื้อสีกากี (อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่สรรพสามิตสวมใส่เสื้อสีกากี และเสื้อกั๊ก) จำนวน 5 นาย ขับรถตู้มาจอดหน้าร้านขายของชำของป้า
ทั้งนี้มีการขอตรวจค้นบุหรี่ที่ร้านป้า โดยดันตัวป้าเข้าไปในห้องนอน อ้างว่าจะขอค้น โดยห้องนอนมีลิ้นชักเก็บเงินอยู่ (แต่เป็นเงินเหรียญ) โดยเจ้าหน้าที่สั่งให้เปิดลิ้นชักทั้งหมด ทั้ง ๆ ที่ป้าปฏิเสธไม่ให้เข้าค้นในห้องนอน เมื่อเจ้าหน้าที่เห็นว่าเป็นเงินเหรียญเลยมุ่งไปขอค้นบุหรี่ภายในร้าน
โดยป้าพรให้บุหรี่ไป 2 คอตตอน จากนั้นเจ้าหน้าที่นำบุหรี่ที่ป้าให้ ไปตรวจสอบบนรถตู้ ก่อนจะลงมาบอกป้าว่า เป็นบุหรี่ปลอม (แต่ป้ายืนยันว่าบุหรี่ของป้าเป็นบุหรี่จริง มีการแสดงใบเสร็จ ใบเสียภาษี ที่ซื้อจากร้านขายส่ง ในหมู่บ้าน)
ซึ่งหลังจากเจ้าหน้าที่บอกว่า บุหรี่ปลอม ตัวป้าจับสังเกตได้ป้าเจ้าหน้าที่มีการสลับบุหรี่ เนื่องจากมองว่า บุหรี่จริงของป้ามีน้ำหนัก ส่วนบุหรี่ที่เจ้าหน้าที่นำมาให้ ดูมีม้วนเบา และแฟบ ป้าพรตั้งข้อสังเกตกับเจ้าหน้าที่ว่าหากเป็นของปลอมต้องปลอมทั้งหมด เนื่องจากก่อนหน้านี้ป้าซื้อมาเพื่อขายทั้งหมด 5 คอตตอน และขายไปแล้ว 3 คอตตอน ไม่มีลูกค้าคนไหนมาร้องเรียนเลยว่าเป็นบุหรี่ปลอม
หลังจากเจ้าหน้าที่ยืนยันว่า พบบุหรี่ปลอมในร้านของป้าเจ้าหนาที่ดึงคุณป้า ให้ไปคุยบนรถตู้ และล็อกประตูตอนนั้นคุณป้าตกใจมาก ป้าคิดว่า "ถ้าไม่ปล่อยป้าลงมา หลานป้าจะอยู่กับใคร"
โดยระหว่างอยู่ในรถกับเจ้าหนาที่ เจ้าหน้าที่พยายามรีดทรัพย์เป็นจำนวนเงิน 20,000 บาท และป้าบอกว่า ไม่มี ป้ายอมติดคุก
ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะขับรถเวียนรถไปรอบหมู่บ้าน พยายามจะรีดทรัพย์ให้ได้ และใช้คำพูด ลักษณะว่า "ในกระเป๋ามีเท่าไหร่เอามา" ตอนนั้นในตัวคุณป้าเองไม่รู้ว่าตัวเองมีเงินเท่าไหร่ เพราะเป็นเงินขายของทั้งวัน ไม่ได้นับ
แต่ควักเงินตัวเอง จากกระเป๋า ใส่กระติกน้ำแข็งที่เจ้าหน้าที่ยื่นมาให้ใส่ ก่อนจะมาทราบว่า เป็นจำนวนเงิน 5,500 บาท แต่จริง ๆ ป้าแอบเก็บไว้ 200 บาทไว้ติดตัว ไม่เช่นนั้นเท่ากับว่ายอดรวมที่ถูดรีดทรัพย์จะรวม 5,700 บาท
ทั้งนี้เมื่อเจ้าหน้าที่ได้เงินไปแล้ว จึงได้ส่งป้าลงจากรถและมีการสั่งห้ามไม่ให้ป้าพูดเรื่องนี้ ไม่งั้นจะจัดการให้หนัก
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่มีการขอตรวจค้นเหล้าภายในร้ายป้าอีกด้วย ตอนนั้นมีเหล้าในลังเพียง 1 ขวด โดยเจ้าหนาที่อ้างว่า เหล้าขวดดังกล่าวปลอมเช่นกัน ป้าเลยตอบว่า
จะเป็นของปลอมได้อย่างไร ถ้าเป็นของปลอมต้องปลอมทั้งลัง
ด้าน นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เผยว่า ก่อนหน้านี้มีประชาชนเคยแจ้งเรื่องดังกล่าวให้ทางเพจแล้วแต่ยังไม่มีพยานหลักฐานพอที่จะเอาผิดคนก่อเหตุได้ แต่เคสดังกล่าวทางผู้เสียหายมีพยานหลักฐานครบ จึงนำเรื่องนี้มาเปิดเผยและให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยจัดการ หากตรวจสอบแล้วเป็นเจ้าหน้าจริงก็เอาไว้เพราะเป็นเจ้าหน้าที่ในคราบโจร
ด้าน ผกก.สน.บางเขน ได้เข้าพูดคุยกับป้าพรผู้เสียหายด้วยตัวเอง ขณะนี้ได้สั่งการให้ ตำรวจสอบปากคำป้าพรอย่างละเอียดพร้อมกับตรวจสอบหลักฐานกล้องวงจรปิด และตรวจสอบทะเบียนรถตู้ที่ใช้ในการก่อเหตุ รวมถึงจะเรียกพยานแวดล้อมที่พบเห็นป้าพรถูกรีดทรัพย์มาสอบปากคำร่วมด้วย
ตามหลักการทำงานของกรมสรรพสามิต เจ้าหน้าที่สามารถขอเข้าค้นในร้านต้องสงสัยได้ เพราะเป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย แต่ไม่สามารถเข้าไปค้นในห้องนอนได้
โดยเหตุการณ์นี้ เข้าข่ายความผิดฐานกรรโชกทรัพย์ และอยู่ระหว่างพิจารณาในความผิดข้อหาปล้นทรัพย์ด้วย ขณะเดียวกัน หากตรวจสอบพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่สรรพสามิตจริง จะต้องพิจารณาความผิดเพิ่มเติมด้วย