จากที่ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่กกกระทรวงที่กำหนดให้นักเรียน นักศึกษาซึ่งตั้งครรภ์ในสถานศึกษา ไม่ต้องให้ออกจากสถานศึกษา เมื่อวันที่19 ก.พ.ที่ผ่านมานั้น ล่าสุดมีเสียงตอบรับและสนับสนุนถึงกฎกระทรวงดังกล่าวว่าน่าจะเป็นผลดีมากกว่าผลเสีย โดยนายบรรจง พุ่มโพธิ์ ผู้ปกครองท่านหนึ่งได้ให้ความเห็นว่า การให้โอกาสนักเรียน นักศึกษาที่ตั้งครรภ์ได้อยู่ในระบบการศึกษาต่อไป ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ให้โอกาสนักเรียน นักศึกษาคนนั้นๆ แต่ถือว่าเป็นการให้โอกาสถึง2ชีวิต คือแม่ และลูกในครรภ์ ให้ได้มีโอกาสมีคุณภาพชีวิตที่ดี จากที่คนเป็นแม่ได้รับการศึกษาต่อจนจบหลักสูตรพร้อมเพื่อนๆ ซึ่งจะได้มีความรู้และวุฒิการศึกษาไปใช้ในการหางานทำหรือเรียนต่อ เพื่อหารายได้ดูแลลูกได้ดีกว่าถูกผลักใสออกจากระบบการศึกษา ที่เป็นการตัดโอกาสและปิดกั้นอนาคตของทั้งแม่และลูก ขณะที่นักศึกษาชายรายหนึ่งก็ให้ความเห็นในทำนองเดียวกันว่า การให้โอกาสนักเรียน นักศึกษาที่ตั้งครรภ์ได้เรียนต่อ เป็นเรื่องดีกว่าให้ออกหรือดรอปเรียน เพราะที่ผ่านมามีผู้ที่ต้องดรอปเรียนแล้วกลับมาเรียนใหม่อีกครั้งน้อยมาก เพราะเหตุผลหลายๆอย่างทั้งอายที่จะต้องมาเรียนกับรุ่นน้อง ท้อแท้ที่เพื่อนรุ่นเดียวกันทำงานไปก่อนหน้าหรือเรียนไปก่อนหน้าแล้ว การเปิดโอกาสให้คนกลุ่มนี้ได้อยู่ในระบบการศึกษาต่อไปจนจบพร้อมเพื่อนๆ จึงเป็นเรื่องที่ให้ประโยชน์มากกว่าโทษ ส่วนการที่จะเกิดการเรียนแบบท้องในวัยเรียนนั้นตนเองมองว่ามีตัวอย่างของเพื่อให้เห็นถึงความยากลำบากในชีวิตประจำวัน คงไม่มีใครอยากที่จะเลียนแบบ แต่สิ่งที่สำคัญคือการสร้างภูมิรู้ให้กับเพื่อนๆในโรงเรียน ไม่ให้เกิดการบูลลี่แต่ควรให้ความรู้และเรียนรู้ในการอยู่ร่วมกัน