ชาวบ้านไม่เชื่อ "นายหรั่ง" อุ้ม "น้องต่อ" ไป เพราะไม่ชอบเด็ก หวั่นเป็นแพะรับบาป เหตุสติไม่สมประกอบ คาดมีคนพูดกรอกหู เพราะนายหรั่งมีนิสัยคล้ายเด็ก ชี้นกเป็นชี้ไม้เป็นไม้

วันที่ 20 ก.พ.66 สืบเนื่องจากกรณี "น้องต่อ" เด็กวัย 8 เดือน หายตัวปริศนาไปตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ.66 ที่ผ่านมา

ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นางบุญล้อม มั่นคง อายุ 55 ปี ชาวบ้านที่ให้เบาะแสว่าเห็นนายหรั่งขี่รถจักรยานแล้วนำเด็กใส่ตะกร้าหน้ารถ ได้เดินทางไปที่ สภ.บางหลวง เพื่อให้ปากคำกับตำรวจเพิ่มเติม และพาไปชี้จุด ยืนยันพบนายหรั่งและเด็กคล้ายน้องต่อจริง

ผู้สื่อข่าวช่อง8 ได้ลงพื้นที่เราได้ไปพูดคุย ป้าสวย นามสมมติ เล่าว่า ปกตินายหรั่งจะค่อนข้างไว้ใจเธอ เพราะชอบมากินข้าวที่บ้าน ตำรวจจึงให้ป้าสวยไปช่วยคุยกับนายหรั่ง นายหรั่ง เล่าให้เธอฟังบอกว่า วันเกิดเหตุนายหรั่งไปซื้อขนมที่บ้านน้องต่อ ตอนนั้นน้องต่อเดินมาไต่ขานายหรั่ง ตอนนั้นนายหรั่งให้ข้อมูลบอกว่า จะพาเด็กไปเที่ยวที่ "วังอีสัง" ซึ่งเป็นชื่อที่ชาวบ้านใช้เรียก เป็นพื้นที่บริเวณบ่อปลา เป็นที่เดียวกับที่ตำรวจลองไปค้นหาสำรวจเมื่อวานนี้ (19 ก.พ.66) นายหรั่ง ยังบอกอีกว่า พอเอาเด็กไปถึงบริเวณนั้น น้องต่อไม่ร้องไห้เลย ตัวเองจึงเอาเด็กไปวางไว้เฉย ๆ และวันเกิดเหตุนายหรั่งบอกว่าตัวเองใส่ชุดสีเหลืองด้วยนะ แต่หลังจากที่เอาน้องต่อไปวางไว้ใต้ต้นไม้แล้ว นายหรั่งงบอกว่า ตัวเองได้กลับมาอาบน้ำที่บ้าน และมาเปลี่ยนเสื้อผ้าจากสีเหลืองเป็นเสื้อแขนยาวสีน้ำเงินแทน ซึ่งถามกี่ครั้งนายหรั่งก็ตอบแบบเดิม แต่ถ้าถามว่าเชื่อแค่ไหน ป้าสวยก็บอกว่าป้าก็เชื่อครึ่ง ๆ นะ เพราะหรั่งเขามีอาการป่วยทางจิต

ล่าสุดชาวบ้านรวมถึงผู้สื่อข่าวร่วมกันจำลองเหตุการณ์ โดยใช้เด็กวัย 8 เดือน เท่ากับน้องต่อ แต่ตัวใหญ่กว่าน้องต่อนิดหน่อย นั่งที่ตะกร้าหน้ารถจักรยาน และปั่นในหมู่บ้าน ปรากฏว่า ทีแรกน้องก็ยอมนั่งเฉย ๆ แต่ผ่านไปแค่ไม่เกิน 10 วินาที เด็กร้องไห้ ขอลงจากตะกร้าทันที หมายความว่าเป็นไปได้ยากมากที่นายหรั่งจะปั่นจักรยานพาน้องต่อไปถึงจุดที่นายหรั่งอ้าง เพราะกว่าจะไปถึงจุดนั้นต้องผ่านถนนใหญ่ 2 เลน ต้องข้ามถนนอีก

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวช่อง8 ได้พูดคุยกับนางสาวนิลรัตน์ ศรีเมือง หรือนิล อายุ 29 ปี เป็นชาวบ้านในพื้นที่ นิลให้ข้อมูลบอกว่า ก่อนเวลาที่น้องต่อจะหาย ตัวเองขับรถไปตลาด ตอนนั้นยืนยันว่าตัวเองมองนาฬิกา และเวลาขณะนั้นคือ 08.00 น. ซึ่งสาเหตุที่ต้องดูนาฬิกาว่าตัวเองมีลูกเล็ก หลังกลับมาจากตลาดเป็นเวลา 08.30 น. ตอนนั้นยังเห็นนายหรั่งนั่งที่วงเหล้าติดกับศาลาหน้าชุมชน และช่วงที่ชาวบ้านกำลังชุลมุนตามหาเด็ก ก็ยืนยันว่าเห็นนายหรั่งยืนเกาหัวอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย โดยนายหรั่งสวมเสื้อแขนยาวสีฟ้าอมน้ำเงินและสวมกางเกงขาสั้น ไม่มีมีท่าว่าจะเอาเด็กไป ที่ผ่านมาตัวเองไม่เคยเห็นนายหรั่งคลุกคลีกับเด็กคนไหนเลย เพราะนายหรั่งไม่ชอบเสียงร้องไห้ของเด็ก ซึ่งปกตินายหรั่งจะปั่นจักรยานแบบช้า ๆ คล้ายกับปั่นกินลมชมวิว นั่นหมายความว่าเป็นไปไม่ได้ที่นายหรั่งจะใช้เวลา 5-10 นาที ในการปั่นไปยังจุดที่นายหรั่งอ้าง หรือแม้แต่คนปกติยังใช้เวลาเดินทางประมาณ 15-20 นาที และรถจักรยานของนายหรั่งที่ใช้ประจำ ไม่มีคันไหนมีตะกร้าหน้ารถเลย ส่วนตัวเชื่อว่าน่าจะมีใครนำข้อมูลไปพูดกรอกหูหรั่ง เพราะหรั่งมีนิสัยคล้ายเด็ก ใครชี้ไปทาง หรั่งไหนก็จะพูดไปทางนั้น และจากการพูดคุยกับเพื่อนบ้านในพื้นที่คนอื่น ๆ ก็ไม่มีใครเชื่อเหมือนกันว่าหรั่งจะเป็นคนทำ จึงอยากให้ตำรวจตรวจสอบอย่างละเอียดเพราะไม่อยากให้นายหรั่งตกเป็นแพะรับบาป

โดยช่วงบ่ายที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่จากศูนย์พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดนครปฐมได้ลงพื้นที่มาที่บ้านของพุดและนิ่ม เพื่อประเมินสภาพจิตใจ หลังถูกสอบปากคำติดต่อกันเป็นเวลานานหลายวัน ว่า นิ่มมีความเครียดและความกังวลมากน้อยแค่ไหน แต่หลังจากเจ้าหน้าที่มาถึงปรากฏว่าเจ้าตัวไม่อยู่บ้าน นักข่าวสอบถามเจ้าหน้าที่ถึงการติดตามความเป็นอยู่ของทั้งคู่ เจ้าหน้าที่เผิดเผยว่า ได้มีการติดตามสภาพจิตใจของแม่เด็กในหลาย ๆ ด้าน ตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุ ซึ่งก่อนหน้านี้นิ่มเคยบอกว่าได้รับความกังวล เพราะถูกคนรอบข้างสงสัย จึงลงพื้นที่มาพูดคุยในวันนี้ (20 ก.พ.66)