โจรแสบ ตัดเหล็กหน้าต่างศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ปีนเข้าไปขโมยกระปุกออมสินเงินฝากของเด็กนักเรียน ครูบอกก่อเหตุมาแล้ว 3 รอบ วอนตำรวจช่วยสอดส่องดูแลเพื่อป้องกันเหตุ

ร.ต.อ.ประเสริฐ ด้วงเอียด ร้อยเวร พร้อมด้วยชุดสืบสวน สภ.เมืองพัทลุง เข้าตรวจสอบที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านโคกว่าว หมู่ที่ 7 ตำบลนาโหนด อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง หลังได้รับแจ้งเหตุคนร้ายเข้ามาขโมยทรัพย์สินมีค่าในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก

 

จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าคนร้ายน่าจะมีด้วยกัน 2คนพบเหล็กหน้าต่างบริเวณด้านข้างศูนย์พัฒนาเด็กเล็กมีร่องรอยโดยตัดส่วนที่พื้นข้างหน้าต่างมีเก้าอี้ไม้หินอ่อนซึ่งถูกยกมาจากบริเวณหน้าศูนย์ฯ นำวางไว้เพื่อรองยืนในการใช้เครื่องมืดตัดเหล็กหน้าต่างก่อนจะมุดร่างเข้าไปในศูนย์เด็ก ฯ เพื่อขโมยทรัพย์สิน

 

ส่วนทรัพย์สินที่คนร้ายได้ไป มีลำโพงและคีย์บอร์ดของโทรทัศน์ที่ติดอยู่บริเวณฝาพนัง ไว้สำหรับสอนเด็กนักเรียนส่วนที่วางกระปุกออมสินของเด็ก ๆ ถูกรื้อกระจุยกระจาย โชคดีไม่มีเงินของเด็ก ๆ เพราะเคยถูกขโมยมาก่อนหน้านี้

 

นางปิยะดา อายุ 45 ปี คุณครูผู้ช่วยผู้ดูแลเด็ก สันนิฐานว่าคนร้ายน่าจะเข้ามางัดในช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ โดยคนร้ายเข้ามาพยายามที่จะขโมยโทรทัศน์ที่ติดอยู่บริเวณพนังห้องแต่ไม่สามารถที่จะถอดไปได้ เลยขโมยชุดลำโพงและคีย์บอร์ดที่วางไว้บนโต๊ะไป โดยจุดประสงค์หลักของคนร้ายที่จะเข้ามา คาดว่าน่าจะเข้ามาขโมยเงินสะสมในกระปุกออมสินของเด็กนักเรียน

 

สอดคล้องกับ นางทิพย์ภวรรณ อายุ 58 ปี คุณครูผู้ดูแลเด็ก บอกว่า ก่อนหน้าเคยมีโจรเข้ามาขโมยทรัพย์สินภายในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กนี้เมื่อหลายเดือนก่อนที่ผ่านมา โดยครั้งแรกโจรได้เข้ามาขโมย กระปุกออมสินที่เด็กได้สะสมเงินกันไว้ ซึ่งรวบรวมเก็บไว้ภายในศูนย์เด็กเล็กประมาณ 30 กระป๋อง โดยคนร้ายได้งัดและยกเอาประปุกออมสินไป รวมเป็นเงินมูลค่าทั้งหมดกว่า 3,000 บาท หายไป และห่างกันไม่นานมากนัก คนร้ายได้เข้ามาขโมยเป็นรอบที่สอง โดยทรัพย์สินที่ได้ไป ครั้งนี้มีพัดลมแบบตั้งพื้นและถังแก๊สหุงต้มที่ตั้งอยู่บริเวณในครัวด้านหลังของห้อง รวมถึงอุปกรณ์เครื่องใช้ที่มีมูลค่าต่างๆ หายไป

 

หลังเกิดเหตุทางศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จึงทำการซื้อแผงเหล็กครอบหน้าต่างมาติดตั้ง เพื่อกันขโมยที่จะเข้ามาลักทรัพย์ และนำเงินของเด็กนักเรียนที่สะสมออมสินไว้ ทำบัญชีแล้วนำเงินกลับบ้านก่อนจะนำเข้าธนาคารเพื่อป้องกันการสูญหาย ห่างหายไปหลายเดือน ก่อนจะมีคนร้ายมาก่อเหตุซ้ำครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 3

 

ทางครูผู้ดูแลเอง มีความกังวลใจว่าคนร้ายจะกลับมาก่อเหตุซ้ำอีก โดยศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอยู่ในพื้นที่ค่อนข้างเสี่ยงในเวลากลางคืน และไม่มีกล้องวงจรปิด ที่สำคัญคือเป็นเขตรอยต่อระหว่างสองสถานีตำรวจ สภ.เขาชัยสน และ สภ.เมืองพัทลุง จึงเป็นพื้นที่ห่างไกล และมีสถานที่ท่องเที่ยวพรุหานบัวซึ่งเป็นแหล่งมั่วซุ่มของกลุ่มวัยรุ่นในปัจจุบัน โดยไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาวนเวียนตรวจตราในช่วงเวลากลางคืนเลย จึงอยากฝากไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้ามาตรวจตราเพิ่มความเข้มให้มากขึ้น เพื่อป้องกันทรัพย์สินของประชาชนและชาวบ้านในบริเวณใกล้เคียง

 

อย่างไรก็ดีทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กั้นพื้นที่เกิดเหตุเอาไว้ ก่อนจะให้ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน เข้ามาเก็บร่องรอยนิ้วมือของคนร้ายที่เข้ามาก่อเหตุในครั้งนี้ เพื่อนำไปพิสูจน์ตรวจ ดีเอ็นเอ เพื่อตามหาตัวคนร้ายกลุ่มนี้มาดำเนินคดีต่อไป