"พุด" - "ลุงแจ้" คอตกถูกคุมตัวฝากขัง ขณะที่พุดยอมเปิดปากยังเชื่อใจ "นิ่ม" หลังรู้โกหกปมผู้ชายเสื้อเหลือง ยืนยันตัวเองพูดจริงทุกอย่าง ด้านพ่อพุดร่ำไห้เสียใจลูกชายถูกแจ้งข้อหาไม่มีเงินประกันต้องปล่อยตามยถากรรม

จากกรณีพนักงานสอบสวน สภ. บางหลวง แจ้งข้อกล่าวหา พุด สามีปัจจุบัน นิ่ม แม่น้องต่อ ฐานเป็นธุระให้มีการค้าประเวณี ด้านลุงแจ้โดนด้วยข้อหาพรากผู้เยาว์ โดยข้อกว่าวหาคือ นายพุด ข้อหา เป็นธุระจัดหาให้กระทำการค้าประเวณี โดยพบว่า "พุด" ได้หลอกให้นิ่ม แม่น้องต่อไปขายบริการกับเพื่อนพ่อและนำเงินมาใช้จ่ายในครอบครัว และแจ้งข้อหากระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี และพรากผู้เยาว์ด้วย

 

วันนี้ (23 ก.พ. 66) 08.00น.ที่ผ่านมา นิ่ม ขี่รถจักรยานยนต์ หอบข้าวของ ทั้งเสื้อผ้า ขนม กางเกงใน เเละเงินสด10,000บาท มาให้พุด ต่อมาไม่นาน นาง จำเนียร ทองทรัพย์ใหญ่ หรือป้าเนียร แม่ของพุด เอาข้าวกล่อง 2กล่องพร้อมกันน้ำดื่ม มาเยี่ยมลูกชาย

 

ต่อมา 09.30 น.ตำรวจสภ.บางหลวง คุมตัว นายพุด และ นายแจ้ ออกจากห้องขัง ก่อนพาไปเซ็นเอกสารส่งตัว โดยทั้งสองคนมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่สงเห็นได้ชัด ปัดตอบคำถามสื่อมวลชน

 

ผู้สื่อขาวพยายามสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายพุด บอกว่า ตนเองได้มีโอกาสพูดคุยกับนิ่ม เมื่อวานนี้ มีการสอบถามเรื่องชายเสื้อเหลือง นิ่มบอกตนเองว่า เรื่องชายเสื้อเหลือง เป็นเพียงแค่การคิดไปเอง แต่เรื่องลูกหาย ยืนยันว่าไม่รู้เรื่อง ส่วนตัวไม่สามารถบอกได้ว่า นิ่มโกหกหรือไม่ เพราะ นิ่มอาจจะพูดความจริงก็ได้ ซึ่งตนเองก็ยังเชื่อนิ่มอยู่ และ ไม่ว่านิ่มจะโกหกหรือไม่ตนเองก็ยังรักอยู่ และไม่ได้ซวยเพราะผู้หญิงคนนี้

 

นายพุด ยืนยันว่าที่ผ่านมา พยายามบอกนิ่มแล้วว่าให้พูดเท่าที่ตนเองรู้ และยังเชื่อว่า ที่น้องต่อหายตัวไป เพราะคนนอก ส่วนคราบเลือดที่ติดอยู่บนรถจยย. ก็ไม่นู้จริงๆว่าเป็นเลือกของใคร เพราะ รถจยย.ในบ้านมี2คัน เป็นของตนเอง1คัน และอีกคันเป็นของพี่ชาย เบื้องต้นตำรวจยังไม่ได้แจ้งส่าคันที่นำไปตรวจสอบเป็นคันไหนกันแน่


ขณะที่นายแจ้ ยอมรับว่า กังวลมากเพราะที่บ้านไม่มีใครดูแลแม่ และยังเป็นห่วงน้องต่อ อยากให้เจ้าหน้าที่เจอน้องไวๆ และยอมรับความจริงเพราะเรื่องมาถึงตอนนี้แล้ว ซึ่งตอนนี้ พระลูก ก็ไปรอที่ศาลแล้ว ไม่รู้จะเอาอย่างไรกับชีวิตต่อไป

 

ระหว่างที่ตำรวจคุมตัวนายพุด และแจ้ขึ้นรถตำรวจเพื่อนำตัวไปฝากขัง ปรากฎว่า นาย สุบิน พ่อของนายพุดได้มาให้กำลังใจ และเข้าสวมกอด พร้อมกับหลั่งน้ำตา ซึ่งนายพุดก็ตกใจที่พ่อสวมกอดตัวเอง และ ได้ปลอบใจพ่อ ว่าไม่ต้องร้องไห้ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ก่อนที่ตำรวจจพแยกทั้งคู่ออกจากกัน เพราะ กลัวฝากขังไม่ทันเวลา

 

นาทีสุดท้าย ก่อนที่รถตำรวจจะเคลื่อนออกจากสภ.นายพุดยืนยันว่า ตนพูดความจริงทุกอย่าง

 

ด้าน นาย สุบิน ร่ำไห้เปิดใจกับนักข่าว ว่า รู้สึกเสียใจมากจนพูดอะไรไม่ออกที่ลูกชายถูกแจ้งข้อหา ซึ่งที่ผ่านมาตัวเองพยายามเตือนลูกชายแลเวให้ออกห่างจากนิ่ม แต่บูกชายนักภรรยาคนนี้มาก จากเหตุการณ์ทั้งหมด ตนเองมองว่า ลูกสะไภ้ไม่ยอมพูดความจริง ถ้าพูดความจริงคงจบเรื่องไปนานแล้ว หลังจากนี้ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะตนเองไม่มีเงินไปประกันลูกชาย คงต้องปล่อยไปตามยถากรรม