"ลุงแจ้" พาดูเมรุวัดโฆษิตาราม หลังชาวบ้านลือ เด็กอาจถูกเอาไปเผาทิ้ง
เกือบ 3 สัปดาห์ กับเหตุการณ์ "น้องต่อ" เด็กชายวัย 8 เดือน หายตัวจากบ้านอย่างปริศนา และการค้นหาที่ยังคงดำเนินการอย่างไม่มีหยุด จนนำไปสู่การดำเนินคดี กับ นายพุด ข้อหา เป็นธุระจัดหาการค้าประเวณี ที่พา นิ่ม ภรรยา ไปขายบริการให้ นายแจ้ ขณะที่ นายแจ้ โดนแจ้งข้อหาพรากผู้เยาว์ไปด้วย
วานนี้ (24 ก.พ.66) นายแจ้และนายสว่าง เอี่ยมเลิศ เพื่อนนายแจ้ พาทีมข่าวไปดูเมรุภายในวัดโฆษิตาราม หลังมีกระแสลือในหมู่บ้านที่เกิดเหตุ 3 ประเด็น ว่าเด็กอาจถูกเอาไปทิ้ง , ลอบเอาไปเผา , และถูกขาย ซึ่งเป็นความคิดเห็นของคนในชุมชน และยังมีการค้นหาบริเวณรอบๆหมู่บ้านอีก2จุด
โดยทีมข่าวเข้าไปตรวจสอบที่เมรุภายในวัดโฆษิตาราม ซึ่งห่างจากบ้านนายแจ้ 550 เมตร นายสว่างบอกว่า ประเด็นที่มีคนร้ายลอบเอาเด็กมาเผาที่เมรุภายในวัดโฆษิตารามไม่สามารถทำได้ 100% เนื่องจาก ภายในวัดมีพระสงฆ์และเจ้าหน้าที่ อยู่ตลอด 24 ชั่วโมง หากมีการเผาศพพระในวัดจะต้องได้กลิ่นและควันไฟจะต้องขึ้นปล่องเมรุ ซึ่งตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ จนถึง 24 กุมภาพันธ์ มีการเผาศพที่เมรถภายในวัดเพียง 1 ศพ เป็นหญิงอายุ 66 ปี คนในหมู่บ้านแห่งนี้ เผาวันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีหลักฐานคือดอกไม้ที่ติดอยู่หน้าประตูเมรุ นอกนั้นไม่มีการเผาศพอื่น หากเผาศพจะต้องมีขั้นตอนนำใบมรณบัตรจากอำเภอ มายันกับเจ้าอาวาสเพื่อขอเผาศพ ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถเผาศพในวัดได้เพราะถือว่าผิดกฎหมาย และขณะเผาศพสัปเหร่อจะต้องมีการเตรียมถ่าน 2 กระสอบและน้ำมัน 500 ลิตร เพื่อเตรียมเผาศพ
จากข้อมูลนี้ตนจึงยอมได้ว่าไม่มีการลักลอบเผาศพเด็กไม่ว่าจะเป็นที่วัดไหนก็ตามเพราะเป็นไปได้ยาก อีกทั้งมีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องการเผาศพ หากเผาศพจะต้องมีการนำดอกไม้มาบวงสรวงไหว้ดวงวิญญาณ ก่อนนำร่างขึ้นเผาบนเมรุ ไม่ฉันนั้นอาจเกิดอาจเกิดอาถรรพ์กับคนที่เผา คือวิญญาณตามติดหรือโดนอาเพศต่างๆในชีวิตส่วนตัวมองว่าที่ยังไม่เจอเบาะแสเด็กมาเป็นเวลา 19 วัน แม่เด็กรู้ดีที่สุด เชื่อว่ายังพูดไม่หมด ต้นสันนิษฐานว่าเด็กจะต้องอยู่ในหมู่บ้านหรือถูกนำไปทิ้งไม่ไกลจากหมู่บ้าน แต่หากมีบางส่วนมองว่าเด็กถูกนำมาที่วัดแห่งนี้และลอบเผาเพื่อทำลายหลักฐาน เป็นไปได้ยากเนื่องจากว่าที่วัดแห่งนี้กลับบ้านเด็กห่างกันประมาณ 15 กิโลเมตร ซึ่งเป็นเรื่องลำบากกับการที่ขี่รถจักรยานยนต์ไปอุ้มเด็กมาและอุ้มเด็ก 8 เดือนขึ้นรถเป็นเวลาประมาณครึ่งชั่วโมงกว่าจะเดินทางมาถึงที่วัด
นายเเจ้ เปิดเผยว่า ตนเครียดมากหลังถูกดำเนินคดี และถูกนำตัวฝากขังศาลจังหวัดนครปฐมวันนี้ ข้อหาพรากผู้เยาว์ “นิ่ม” โดยญาติของตนได้รวมเงินกัน 100,000 บาทวานนี้ เพื่อนำเงินมาประกันตัวให้ตน ต่อจากนี้ตนใส่กำไลem เพื่อติดตามตัวและสังเกตพฤติกรรม ยืนยันยินดีให้ความร่วมมือทุกอย่าง เพราะตนไม่ได้คิดหนีคดีหรือคิดปฏิเสธไม่ให้ความร่วมมือกับตำรวจ ซึ่งทางศาลให้ตนไปรายงานตัวอีกครั้งในวันที่ 12 มีนาคมนี้
ยอมรับคดีพรากผู้เยาว์ ตนผิดจริงแต่เป็นเรื่องในอดีตผ่านมานานแล้ว แต่เรื่องคดีน้องต่อตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งตนก็ยืนยันไทม์ไลน์วันก่อนเกิดเหตุและวันเกิดเหตุตอนเด็กหายตัวไปหมดแล้ว ตอนนี้เป็นห่วงคนในครอบครัวเพราะกลัวเครียดที่ตนถูกดำเนินคดี
ทั้งนี้เปิดเผยข้อมูลบางอย่างกับทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ก่อนหน้านี้ตนไม่เคยพูดคุยกับพุด แต่รู้จักพุดมานานแล้ว ซึ่งวันที่ตำรวจคุมตัวตนและพุดฝากขังศาล เป็นครั้งแรกที่ตนได้พูดคุย โดยพุดบอกว่า “แจ้งความเด็กหาย แต่ไม่คิดว่าเรื่องจะใหญ่โต แค่เด็กหาย ทำไมต้องเป็นเรื่องใหญ่” เป็นครั้งแรกที่ได้พูดคุยกับพุดอย่างจริงจัง จากนั้นก็ไม่ได้พูดคุยอีก