อัยการศาลแขวงนนทบุรี ส่งฟ้องนอท กองสลากพลัส ข้อหาเดียว "ร่วมกันขายสลากเกินราคา" มีโทษปรับ ส่วนความผิดอื่นไม่พบหลักฐานสนับสนุน
วันที่ 3 มี.ค. 2566 เมื่อเวลา 15.00 น. ที่สำนักงานอัยการคดีศาลแขวงนนทบุรี นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ นอท กองสลากพลัส พร้อมทนายความส่วนตัว เดินทางมาเพื่อฟังคำสั่งอัยการศาลแขวงนนทบุรี ว่าจะมีความเห็นสั่งฟ้องคดีในข้อหาร่วมกันเสนอขายและจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ยังไม่ออกรางวัลเกินราคาที่กฎหมายกำหนด
นายพันธ์ธวัช ได้กล่าวกับอัยการคดีศาลแขวงนนทบุรีว่า ตนไม่ได้ทำผิดอะไร ขอไปต่อสู้คดีพิสูจน์ความจริงในชั้นศาลต่อไป ทางเจ้าหน้าที่สำนักงานคดีศาลแขวงนนทบุรี จึงได้ควบคุมตัว นายพันธ์ธวัช นำตัวส่งฟ้องศาลแขวงนนทบุรีทันที โดยนายพันธ์ธวัชปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว
ด้าน น.ส.สาวิตรี สัมฤทธิ์สุขโชค อัยการคดีศาลแขวงนนทบุรี กล่าวว่า ตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำสำนวนฟ้องมาข้อหาร่วมกันเสนอขาย หรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ออกตาม พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ.2517 ที่ยังไม่ออกรางวัลเกินราคาที่กำหนดในสลากกินแบ่งรัฐบาล ตำรวจได้ส่งมาทั้งหมด 8 สำนวน แต่แยกเป็น 48 กรรม ต่างกรรมต่างวาระกัน ทางอัยการและองค์คณะจึงได้นำสำนวนทั้งหมดมาพิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้เสียหายซึ่งเป็นสำนักงานกองสลาก มีพยานเป็นกลุ่มเดียวกัน และทางผู้ถูกกล่าวหาก็เป็นคนคนเดียวกัน เพื่อลดขั้นตอนที่ซ้ำซ้อนและสะดวกในการพิจารณาคดี จึงได้นำทั้ง 8 สำนวน ที่ตำรวจส่งมาพิจารณารวมกัน พบว่าพยานหลักฐานที่กองสลากรวบรวมมาในสำนวนส่งฟ้องมีเพียงพอที่จะนำตัวผู้ถูกกล่าวหาส่งฟ้องต่อศาลแขวงนนทบุรี พร้อมกันทั้งหมด 48 กรรม ซึ่งคดีนี้มีอัตราโทษปรับ ส่วนผู้ถูกกล่าวหาจะให้การปฎิเสธก็เป็นสิทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหาที่สามารถไปต่อสู้คดี นำสืบพยานในชั้นศาลได้
ส่วนประเด็นความผิดอื่นๆ เช่น พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ แม้จะมีอยู่ในบางสำนวนที่ถูกส่งมาก็ตาม ทางอัยการได้สั่งให้กลับไปสอบสวนเพิ่มเติมทั้งหมดแล้ว แต่ปรากฏว่าไม่พบพยานหลักฐานใดๆ เพิ่มเติมที่จะมาสนับสนุนในฐานความผิดนี้ เนื่องจากความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จะต้องเริ่มต้นจากโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงเสียก่อน แต่พยานหลักฐานที่สั่งให้ไปสอบเพิ่มเติมในประเด็นนี้กลับไม่พบหลักฐานที่จะมาสนับสนุน ทางอัยการจึงต้องพิจารณาคดีไปตามพยานหลักฐานที่มีอยู่ และสามารถสั่งฟ้องได้เพียงข้อหาเดียว