ขอพูดบ้าง!! "รุ่นพี่ทรงซ้อ" สุดทนเปิดใจเหตุเอาน้ำอัดลมราด-ตบหน้า อ้างรักษาอาการลมชัก ซัดกลับรุ่นน้องให้พูดความจริง อย่าให้ต้องแฉ

วันที่ 4 มี.ค.66 สืบเนื่องจากกรณี น.ส.มาย อายุ 23 ปี ผู้เสียหายร้องเพจสายไหมต้องรอด โดนรุ่นพี่ทรงซ้อชวนไปเที่ยวบ้าน ก่อนแกล้งเอาน้ำอัดลมราดหน้าบีบน้ำให้เข้าจมูกขณะหลับจนสำลัก ทำให้ตื่นขึ้นมาโวย แต่กลับถูกรุมทำร้ายนับ 10 คน จนบาดเจ็บอย่างหนัก หัวแตก ปากแตก จมูกหัก แม้ยกมือไหว้ขอโทษก็ไม่หยุด แถมถ่ายคลิปขู่ประจาน ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

​ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 3 มี.ค.66 น.ส.แอม คนก่อเหตุ ได้อัดคลิปเปิดใจ ผ่านทางติ๊กต็อกระบุใจความว่า "อยากจะพูดในส่วนของตัวเองบ้าง ปล่อยให้สังคมและโซเชียลทำร้ายมาเต็มที่แล้ว ยอมรับว่าสิ่งที่ทำรุนแรงมาก ตนไม่ได้ปฏิเสธเลย ก็ไปให้ปากคำตำรวจซึ่งมายก็ไปด้วย คิดว่าจะได้ไกล่เกลี่ยกันแต่มันก็ไม่ใช่ ที่ผ่านมาพยายามติดต่อมายเพื่อไกล่เกลี่ยแล้ว แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้

แต่วันนี้ไม่ไหวแล้ว ไม่ใช่เพราะถูกโซเชียลถล่ม แต่เป็นเพราะครอบครัวต้องมาโดนด่าไปด้วย ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง อยากให้ทุกคนแยกแยะ ตนเป็นคนกระทำต้องเป็นคนรับโทษ ซึ่งก็ไปมาแล้ว

น.ส.แอม บอกอีกว่า ความสัมพันธ์ของตนกับมายเป็นพี่น้องกัน เคยใช้ชีวิตอยู่กินด้วยกันมา แต่ในวันที่เกิดเรื่องขึ้น มีรุ่นน้องอีกกลุ่มมาดื่มเหล้ากันที่บ้านด้วย ซึ่งมายยังไม่เคยเจอกลุ่มนี้ ยืนยันว่า ไม่มีใครเข้าไปรุม ตามที่ให้สัมภาษณ์ไป

ก่อนหน้านี้ ที่ไม่ใช่วันที่เกิดเรื่อง มายเป็นโรคลมชัก ตนใช้น้ำอัดลมราดหน้า มายก็อาการดีขึ้น ตื่นขึ้นมาขอบคุณ และหัวเราะด้วยกันอยู่เลย แม้ว่ามันจะเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้อง แต่เจตนาที่ใช้น้ำอัดลมราดหน้า เพราะมีคนแนะนำว่าให้ใช้น้ำที่ซ่าๆ หรือตบหน้า เพื่อทำให้ผู้ป่วยตื่นขึ้นมา ไม่เข้าใจว่าทำไมมายถึงออกมาสัมภาษณ์แบบนั้น ทำให้คนเข้าใจผิด

น.ส.แอม บอกอีกว่า อยากให้มายพูดเรื่องจริงด้วย ตอนนี้ตนโดนโจมตีรุนแรงเกินไป มายต้องยอมรับว่าเป็นโรคลมชักจริง ๆ ซึ่งไม่ใช่ครั้งแรกด้วย มายกล้าสาบานหรือออกมาพูดหรือไม่ ว่าไม่ได้เป็นลมชัก เพราะมายพูดแต่ละรายการไม่เหมือนกันเลย

อยากบอกว่า ตนมีหลักฐาน แต่ไม่อยากทำร้ายอยากให้ติดต่อกลับมาพูดคุยกันก่อน เพราะถือว่าเราเคยใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เปิดโอกาสให้ตนได้พูดบ้าง"