หมอกควันไฟข้ามแดนทำให้ในพื้นที่อ.แม่สาย จ.เชียงรายค่าPM2.5แตะค่าสีแดงเข้าสู่วันที่3แล้ว ขณะที่การท่องเที่ยวยังคงคึกคักอย่างต่อเนื่องหลังไทย-เมียนมา เปิดด่านแม่สาย-ท่าขี้เหล็กมาได้มา2 อาทิตย์
สถานการณ์หมอกควันไฟ จากการเผาป่าลอยเข้าปกคลุมไปทั่วพื้นที่ชายแดนอำเภอแม่สาย และท่าขี้เหล็ก จ.เชียงราย จนมองเห็นกลุ่มควันสีเทาปกคลุมไปทั่วบริเวณของอำเภอแม่สายในระยะไกลได้อย่างชัดเจน อีกทั้งค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศ หรือPM2.5 แตะสีแดงที่มีผลกระทบต่อสุขภาพของพี่น้องประชาชนเป็นวันที่ 3 แล้ว ขณะที่กรมควบคุมมลพิษได้รายงานคุณภาพอากาศว่าในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สาย และ ต.เวียงพางคำ ซึ่งได้มีการติดตั้งเครื่องตรวจวัดคุณภาพทางอากาศเอาไว้บริเวณด้านในสำนักงานสาธารณสุข อ.แม่สาย เมื่อเวลา 16.00 น. ตรวจพบค่าPM2.5 สูงเกินค่ามาตรฐานวัดได้ 107 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน หรือ pm10 วัดได้ 217 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งจากการดูค่าเฉลี่ยจากกรมควบคุมมลพิษทางอากาศ ของพื้นที่อำเภอแม่สายค่าPM2.5 ยังคงขยับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และค่าฝุ่นละอองในอากาศในพื้นที่อำเภอแม่สายวันนี้ ทะลุค่าสีแดงมาเป็นวันที่ 3 แล้ว ถือว่าสภาพอากาศมีผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนทั่วไป และกลุ่มเสี่ยง ควรงดกิจกรรมกลางแจ้งทุกประเภท หากจำเป็นควรใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง
ขณะที่บรรยากาศการท่องเที่ยวพื้นที่ชายแดน อำเภอแม่สายเริ่มมีความคึกคักขึ้น หลังจากมีการเปิดด่านพรมแดนแม่สาย-ท่าขี้เหล็ก ตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยคลาคล่ำไปด้วยยวดยานพาหนะ มุ่งหน้าไปยังหน้าด่านพรมแดนแม่สายเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ประกอบกับมีการเปิดด่านแม่สาย-ท่าขี้เหล็กแล้ว ทำให้ประชาชน และนักท่องเที่ยวสามารถข้ามแดนไปท่องเที่ยวยังฝั่งจังหวัดท่าขี้เหล็กได้ ทำให้บรรยากาศในการข้ามแดนเป็นไปอย่างคึกคัก ส่วนประชาชนชาวเมียนมาเอง ก็เช่นกันต่างพากันเดินทางข้ามแดนมาท่องเที่ยวในพื้นที่ของอำเภอแม่สาย อย่างไม่ขาดสาย บรรดารถสองแถวแดง และมอเตอร์ไซต์รับจ้าง ที่บริเวณหน้าด่านพรมแดนต่างมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ หลังจากขาดรายได้มายาวนานเกือบ 3 ปี เพราะเกิดโรคระบาดของไวรัสโควิด-19