"ไอ้ต้น" ผัวโหดราดน้ำมัน แทงภรรยาจนเสียชีวิตในร่องน้ำ อ้างโมโหเห็นแชตเมียคุยชายอื่น ไม่ได้เตรียมการมาฆ่า ขณะที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ ตั้งข้อหาโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และข้อหาเกี่ยวกับการพกพาอาวุธมีด
วันที่ 7 มี.ค. 2566 หลังจากชุดสืบสวน สภ.บางปู จ.สมุทรปราการ ติดตามจับนายพิสุทธ์ศิริ จันทร์โสดา หรือต้น อายุ 42 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการ ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พกพาอาวุธมีดติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยจับกุมตัวได้ที่ลานที่ดินริมถนนเทพรัตน ใกล้เคียงแม่น้ำบางปะกง อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา เมื่อช่วงสายของวันนี้ จากนั้นจึงคุมตัวพร้อมด้วยรถกระบะและของกลางที่ใช้ก่อเหตุ มายังสภ.บางปู เพื่อสอบสวน
นายต้น ผู้ต้องหา ให้สัมภาษณ์ว่า ยอมรับว่าลงมือก่อเหตุจริง อ้างว่าตนเองเก็บอารมณ์ความโกรธมาสองปี ที่ฝ่ายหญิงแอบไปคุยชู้สาวกับชายอื่นในแชต ก่อนหน้านี้ยอมรับว่าเคยคุมอารมณ์ไม่อยู่ลงมือทำร้ายฝ่ายหญิงจริงด้วยการตบ ทำให้ฝ่ายหญิงหนีออกจากห้องพักไปกว่าสิบวัน จนกระทั่งขอนัดคุยนัดเคลียร์ปัญหา จนฝ่ายหญิงตกลงตามที่นัดหมาย วันเกิดเหตุจึงขับรถไปรับฝ่ายหญิงตามนัด โดยพาไปทำบุญที่วัดคลองเก้า จากนั้นพาไปจอดรถนั่งเล่นที่สนามกอล์ฟ ภายในนิคมอุตสาหกรรมบางปู ระหว่างนั่งคุยเล่นกัน นายต้นอ้างว่าถูกฝ่ายหญิงดุด่าจนเกิดความโมโหและข่มขู่ว่าจะราดน้ำมันเผาให้ตายทั้งสองคนหากยังไม่หยุดด่า และพอขึ้นรถมาได้ก็ยังถูกฝ่ายหญิงต่อว่าอีกทำให้เกิดความโมโห จึงใช้น้ำมันราดฝ่ายหญิงและตัวเอง เพื่อหวังข่มขู่ แต่ด้วยความคันจากน้ำมันจึงพากันถอดเสื้อหวังเปลี่ยนเสื้อผ้า ระหว่างทางฝ่ายหญิงอ้างหิวน้ำจึงจอดรถบริเวณที่เกิดเหตุ พอจอดรถ ฝ่ายหญิงจึงเปิดประตูวิ่งไปขอความช่วยเหลือ ด้วยความโมโหและคุมอารมณ์ไม่อยู่จึงตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าว เมื่อถามว่าเตรียมการมาหรือไม่ นายต้นอ้างว่าไม่ได้เตรียมการ แกลอนน้ำมันที่เตรียมมาอ้างว่าเตรียมไว้เติมรถจักรยานยนต์ที่เอาไปจำนำ เพื่อนำเงินมาชำระค่างวดรถยนต์ที่ค้างไว้
พ.ต.อ.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ เปิดเผยความคืบหน้าทางคดีว่า ภายหลังจากที่มีการคุมตัวผู้ต้องหาเข้าสอบปากคำเเล้วนั้น ผู้ต้องหาให้การรับสารสภาพว่า ตนเองมีการเตรียมการตั้งเเต่ขั้นตอนเตรียมงาน รวมถึงสาเหตุที่ทะเลาะเเละฆ่า ทั้งนี้ ตำรวจได้หลักฐานครบทุกอย่างเเล้ว มีทั้งกระป๋องน้ำมัน เเละอาวุธมีด
ส่วนสาเหตุเกิดจากการหึงหวง โดยมีเรื่องระหองระเเหงกันมา 2 ปีเเล้ว อีกทั้งผู้ต้องหาได้ไปเจอเเชตผู้ตายคุยกับคนอื่น เเละหาเรื่องทะเลาะมาตลอด ก่อนหน้าช่วงเกิดเหตุ ผู้ตายหนีออกจากบ้านไปนานประมาณ 10 กว่าวัน เเละมีการนัดกับผู้ตายเมื่อวานนี้เพื่อเคลียร์ปัญหา เเละอ้างว่าจะขนของออก โดยช่วงเช้าได้มีการไปรับผู้ตายที่บริเวณหน้าปากซอยหอพัก เเละพาไปทำบุญด้วยกันที่วัดคลองเก้า เเละเหมือนจะกลับมาคุยกันดีอีกครั้ง แต่ในส่วนเรื่องแชตของผู้ตายและผู้ต้องหานั้นทางตำรวจยังไม่ได้ดูรายละเอียด
จนกระทั่งมาจอดรถที่หน้าร้านอาหารใกล้สนามกอล์ฟใกล้จุดเกิดเหตุ ผู้ต้องหาอ้างว่ามีการถอนผมหงอกให้ผู้ตายเเละคุยเล่นกัน จนกระทั่งช่วง 13.00 น. ทั้งนี้ เริ่มมีปากเสียงโดยถูกผู้หญิงด่าทอ ฝ่ายชายโมโหจึงใช้น้ำมันราดตัวเองและผู้ตายภายในรถ แต่ยังไม่มีการจุดไฟ
ก่อนขับรถออกจากจุดนั้น ฝ่ายหญิงรู้สึกแสบคันจากน้ำมัน จึงมีการถอดเสื้อผ้าเพื่อที่จะเปลี่ยนชุดที่อยู่หลังรถ ส่วนฝ่ายชายก็ถอดเสื้อ ระหว่างนั้นผู้หญิงบอกว่าหิวน้ำ ผู้ต้องหาจึงจอดรถ ลงจากรถ ไปขอน้ำจากนายประภาส ลุงขับรถสองเเถว เเละไปซื้อไอติมให้ฝ่ายหญิง ระหว่างนั้นผู้หญิงอาศัยจังหวะทีเผลอ เปิดประตูรถวิ่งออกมา ร้องขอความช่วยเหลือจากลุงประภาส เมื่อฝ่ายชายเห็นจึงกลับเข้ารถ เเล้วหยิบเอาขวดน้ำมันมาสาดใส่คนตาย เเละกระเด็นโดนลุงประภาสด้วย จะจุดไฟเผา ระหว่างนั้นมีพลเมืองดีผ่านมา บอกให้ฝ่ายหญิงกระโดดลงไปในคูน้ำข้างทาง เเละก่อนนายต้น จะกลับไปเอาอาวุธมีดเข้ามาเเทงผู้ตายจนตาย
ทั้งนี้ ทางตำรวจเชื่อว่า ผู้ต้องหาน่าจะมีการวางเเผนไว้เเล้ว เพราะมีการซื้อน้ำมันเตรียมไว้ แต่ผู้ต้องหาอ้างว่าจะนำไปใช้ในการเติมรถ จยย. ส่วนอาวุธมีดดาบที่พบนั้นผู้ต้องหาอ้างว่ามีการพกติดตัวไว้อยู่แล้ว และสาเหตุที่ไปจอดตรงนั้น (ที่จับกุม) เพราะเตรียมตัวจะฆ่าตัวตาย เเต่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ เพราะถ้าผู้ต้องหาจะฆ่าตัวตายก็ตายไปตั้งเเต่เมื่อคืนเเล้ว ทั้งนี้เมื่อปี 2557 ผู้ต้องหาเคยเอาน้ำมันเเละมีดมาก่อเหตุกับภรรยาเก่าเเล้ว 1 ครั้ง
จากการสอบปากคำตอนนี้ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ ต้องรอสอบปากคำอย่างละเอียด รวมถึงพยานหลักฐานจากทางกล้องวงจรปิด และหลักฐานที่พิสูจน์ตามหลักนิติวิทยาศาสตร์ก่อน วันนี้ยังไม่มีการคุมตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ รอสอบปากคำให้ละเอียดอีกครั้ง เเละคาดว่าน่าจะมีการนำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนในวันพรุ่งนี้ ช่วงเวลาประมาณ 10:00 น. โดยเบื้องต้นได้เเจ้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และข้อหาเกี่ยวกับการพกพาอาวุธมีด
ด้านนางสนิท พี่สาวคนตาย เดินทางมาดูหน้าผู้ต้องหาที่ สภ.บางปู โดยให้สัมภาษณ์ ระบุว่า ไม่ให้อภัย ไม่รับคำขอโทษจากผู้ต้องหา และอยากถามว่าทำไมต้องทำกันถึงขนาดนี้ หลังจากเกิดเรื่องยอมรับว่า ทุกคนหวาดกลัวที่ผู้ต้องหาจะย้อนมาก่อเหตุกับคนในครอบครัว พอทราบว่าถูกจับตัวก็รู้สึกสบายใจขึ้น และต้องขอบคุณตำรวจที่ตามจับกุมตัวได้ ยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด