ผู้ว่าฯ พังงา สั่งสอบข้อเท็จจริง ให้เวลา 1 เดือน ก่อนสรุปผล กรณีจัดซื้อต้นทองอุไร ต้นละ 6 พันบาท -ชุดน้ำพุ 6 ล้าน พบงบโครงการ 30 ล้าน ทั้งนี้ต้นทองอุไรจาก 37 ต้น รอดเพียง 6 ต้น พบในท้องตลาดราคาเพียงต้นละ 100 บาท
วันที่ 8 มี.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางนายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา นายเถลิงศักดิ์ นุชประหาร รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดพังงา คลังจังหวัด สำนักงานจังหวัดพังงา ตรวจสอบภายในจังหวัดพังงา ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณคลองระบายน้ำ ริมถนนหน้าศูนย์ราชการจังหวัดพังงา จวนผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา และอนุสาวรีย์สามพระยา สายพังงา-ทับปุด หมู่ 3 ตำบลถ้ำน้ำผุด อำเภอเมืองพังงา หลังเพจปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน โพสต์ข้อความและภาพ ต้นทองอุไร ราคาต้นละกว่า 6 พันบาท ทั้งหมด 37 ต้น รวมเป็นเงินกว่า 2 แสนบาท
โดยในพื้นที่ปลูกต้นทองอุไรไว้รอบคลองระบายน้ำ แต่ละต้นมีขนาดไม่เท่ากัน มีตั้งแต่ 50 เซนติเมตร ไปจนถึง 2.5 เมตร บางต้นถูกหญ้าปกคลุมจนแทบมองไม่ออก จากการสำรวจร้านขายต้นไม้ในพื้นที่ พบว่าราคาต้นทองอุไร ขนาดต้นไม่ถึง 1 เมตร มีขายในราคา 100 บาท ส่วนต้นขนาดใหญ่ ราคาอยู่ที่ 700-800 บาท
เบื้องต้น ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา เปิดเผยว่า ได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อกรณีที่เกิดขึ้น โดยกำหนดระยะเวลา 1 เดือน ก่อนสรุปผลว่าโครงการนี้มีความผิดปกติหรือไม่
ขณะที่ทางโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดพังงา ชี้แจงว่า ในส่วนต้นทองอุไรทั้งหมด 37 ต้น มีการปลูกและเจริญเติบโตเพียง 6 ต้น ที่เหลืออีก 31 ต้น พบว่าไม่เจริญเติบโต จึงได้ทำหนังสือแจ้งผู้รับเหมาไป 2 ครั้ง ในช่วงเดือนพฤศจิกายนและเดือนธันวาคมที่ผ่านมา แต่ยังไม่มาดำเนินการ ส่วนกรณีชุดน้ำพุ พบว่าระดับน้ำในแอ่งน้ำอยู่ต่ำกว่าระดับมอเตอร์น้ำพุ ประกอบกับช่วงนี้เป็นช่วงหน้าแล้งจึงไม่สามารถดำเนินการได้
สำหรับชุดน้ำพุและการปลูกต้นทองอุไร ต่างเป็นส่วนหนึ่งของโครงการปรับภูมิทัศน์คลองพังงาของจังหวัดพังงา ซึ่งทั้งโครงการใช้งบประมาณกว่า 30 ล้านบาท มีการเสนอโครงการและก่อสร้างตามปีงบประมาณ 2564-2565 ซึ่งตรงกับช่วงที่นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา