"บิ๊กตู่" รับอ่านจดหมาย "พล.อ.ประวิตร" แล้ว ไม่รู้เขียนเองหรือไม่ ยันสัมพันธ์พี่น้องเหมือนเดิม ก่อนย้อนถาม "บิ๊กป้อม" ชูจุดขายก้าวข้ามความขัดแย้ง แล้ววันนี้ขัดแย้งตรงไหน
วันที่ 9 มี.ค. 2566 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงถึงกรณีที่หลายฝ่ายออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่าการอนุมัติงบต่างๆในช่วงนี้เป็นการทิ้งทวนเพื่อหาเสียง ทั้งค่าป่วยการ อสม. และค่าตอบแทนสมาชิก อบต. ว่า เรื่องนี้มีมานานแล้ว และเป็นข้อเสนอของพรรคร่วมรัฐบาลที่เสนอเข้ามา ซึ่งเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณเป็นเรื่องของวันข้างหน้า ที่ต้องจัดหางบประมาณให้เพียงพอ โดยจะเป็นการใช้งบประมาณปี 2567 ที่ต้องเสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยหน้าอีกครั้ง พร้อมยืนยันว่า ตนไม่ได้ทำให้ใคร แต่เป็นการทำให้ประชาชนด้วยกัน ซึ่งต้องไปดูปริมาณงานของเขาและความเหน็ดเหนื่อยด้วย
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าได้อ่านจดหมายฉบับที่ 5 ของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แล้ว บอกว่า "ใครจะเขียนก็เขียนได้ทั้งนั้น" คิดเอาเองแล้วกัน เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ข้อความของพลเอกประวิตร หลายฉบับมีการกล่าวย้อนถึงการถึงเหตุการณ์รัฐประหาร นายกรัฐมนตรีมีท่าทีหงุดหงิด ก่อนที่จะกล่าวว่า "เลิก เขาทำรัฐประหารปีไหนแล้ว ผมมายืนอยู่ตรงนี้ มายืนด้วยอะไร รัฐธรรมนูญ ระบบรัฐสภาไม่ใช่หรือ ช่วงนั้นเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทย ลองดูสิว่า ถ้าไม่มีอะไรที่ทำให้ความขัดแย้งลดลง มันจะเกิดอะไรขึ้นถึงวันนี้ เราจะยืนอยู่แบบนี้ได้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย"
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่าบรรยากาศบ้านเมืองในขณะนี้จะไม่มีอะไรแบบนั้นใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่เห็นจะมีอะไรเลย เพียงแต่ว่าประชาชนทุกคนต้องคิด ว่ามันเคยเกิดขึ้นมาแล้วนะ ทุกอย่างจะพัฒนาได้ ประเทศนี้ต้องมีความสงบเรียบร้อยมีความสุข ไม่มีเรื่องความรุนแรงเกิดขึ้น อย่ากลับไปที่เดิมอีกเลย
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า จดหมายของพลเอกประวิตร มักเขียนย้อนถึงการกระทำรัฐประหาร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็แล้วแต่ท่าน เมื่อถามต่อว่า มีกระแสข่าว หากพลเอกประยุทธ์ ไม่ได้กลับมาดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี โอกาสการรัฐประหารจะเกิดขึ้น หากอีกฝ่ายได้เป็นรัฐบาล นายกรัฐมนตรี ย้อนถามว่า "ใครจะทำรัฐประหาร แล้วใครจะทำ ใครจะทำผมถาม" และเมื่อสื่อฯ ถามย้ำอีกว่า จะเกิดรัฐประหารอีกหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า "ผมเคยพูดไปตั้งนานแล้ว ว่า ครั้งสุดท้ายแล้ว มันไม่ควรจะมีอะไรได้อีกแล้ว มันอยู่ที่พวกเรานั่นแหละ จะช่วยกันได้อย่างไร แต่ถ้าขัดแย้งรุนแรงกัน ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะแก้ไขปัญหาด้วยอะไร เพราะผมไม่เกี่ยวแล้ว"
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จากนี้ไปจะเป็นประชาธิปไตยใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีย้อนถามกลับทันทีว่า แล้ววันนี้ไม่ใช่ประชาธิปไตยหรือ" ผู้สื่อข่าวจึงตอบกลับว่า หมายถึงการเลือกตั้งครั้งต่อไป นายกรัฐมนตรี จึงระบุว่า ก็ประชาธิปไตยไง ให้ทุกคนพยายามรักษากฎกติกา กฎหมายมีอยู่ทุกตัว
ส่วนที่มีการนำเหตุการณ์รัฐประหาร มาพูดจะเป็นการดิสเครดิตนายกรัฐมนตรีในช่วงการเลือกตั้งหรือไม่ เนื่องจากก่อนหน้านี้มาในรูปแบบนี้ รวมไปถึงการเลือกตั้งในสมัยหน้านายกรัฐมนตรี ก็ลงสนามการเมือง พลเอกประยุทธ์ ระบุว่า "สื่อฯ ก็ถามแบบนี้อยู่แล้ว แน่นอนเขาต้อง ดิสเครดิตเราอยู่แล้ว ก็อธิบายชี้แจงไปหลายครั้งแล้วในสภาฯ ตนก็พูด ไปคิดเอาเองแล้วกัน"
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้มองว่า พลเอกประวิตรเปลี่ยนไปหรือไม่ในทางการเมือง นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เขาก็เป็นพี่ผมเหมือนเดิม ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่าเปลี่ยนไปในการสื่อสารทางการเมือง พลเอกประยุทธ์ ระบุว่า มีคนช่วยท่านเยอะอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า มองว่าท่านไม่ได้เขียนเองใช่หรือไม่ พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่รู้ ไม่ทราบ
สื่อมวลชนถามย้ำว่า จากข้อความในจดหมายไม่ใช่ตัวตนของพลเอกประวิตร ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำคำเดิมว่า ไม่ทราบ ไม่ทราบ ไม่รู้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า พลเอกประวิตร ชูจุดขายก้าวข้ามความขัดแย้ง นายกรัฐมนตรี ย้อนถามกลับทันทีว่า แล้วมันขัดแย้งกันตรงไหนตอนนี้ ผู้สื่อข่าวบอกว่า มีการแบ่งขั้วทางการเมือง นายกรัฐมนตรี ถึงกับเสียงเข้ม พร้อมกับกล่าวว่า "แบ่งขั้วอะไร ผมไม่เห็นมีขั้วอะไรสักขั้ว ก่อนที่จะถอนหายใจพร้อมข่มอารมณ์ว่า เหอะ คิดกันไปเองหมดเน๊าะ อย่าไปสร้างความสับสนอลหม่านมาก ไม่ใช่ใครพูดอะไรมาแล้วนำมาขยายหมด ก็มีแต่เรื่องนั่นแหละ ผมจะไม่พูดอะไรเรื่องพวกนี้ จบไปแล้ว ก็ให้มันจบไป ของเก่าคือของเก่า วันนี้ไปเดินหน้าประเทศกันเถอะ ท่ามกลางความสงบสุขเรียบร้อยของประเทศชาติไม่ดีกว่าหรือ ผมก็คิดแค่นี้แหละ ที่ผ่านมาผมก็คิดแบบนี้มาตลอด"
ส่วนที่นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ลงสนามการเมือง ถือเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวหรือไม่ พลเอกประยุทธ์ระบุว่าผมไม่ได้ไปแข่งอะไรกับท่าน สิ่งที่ผมพูดถึงคือการให้มองภาพใหญ่ของรัฐบาลในขณะนี้ ทุกคนเก่งหมด หลายคนอาจมองว่าตนไม่มีความรู้ด้านเศรษฐกิจ ตนอยู่มาหลายปีแล้ว ก็ศึกษา มีคนเก่งๆ ช่วยงานเป็นร้อย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ในฐานะที่เป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ มองว่าพรรคการเมืองใดเป็นคู่แข่งตัวจริง พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า ตนก็ไม่รู้เหมือนกัน ทุกพรรคล่ะมั้ง ทุกพรรคแข่งกันหมด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเหมือนนายกรัฐมนตรีอยู่ในกติกาแต่มีคนพยายามลากออกมานอกกติกา นายกรัฐมนตรี ตอบแบบทันควันว่า เรื่องอะไรจะให้เขาลากออกไปล่ะ ผมก็อยู่ในกติกาของผม ของประชาธิปไตย วันนี้ต่างประเทศประเมินจัดลำดับเรื่องประชาธิปไตยของไทยดีขึ้น ขอให้ไปดูตรงนั้น โลกเขาลงคะแนนมาแล้ว ให้คะแนนสูงขึ้น แล้วบอกเราไม่เป็นประชาธิปไตยตรงไหน
จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้เดินออกจากจุดสัมภาษณ์ไปยังต้นพุดพิชญา และก้มไปดมที่ดอกพุด พร้อมกับกล่าวถึงอาการเจ็บมือมาก ขณะนี้ยังให้ยาปฏิชีวนะทุกวัน ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่าแล้วจะไปหาเสียงอย่างไร นายกรัฐมนตรีจึงใช้มือขวาชี้ที่หน้าอกข้างซ้ายเบาๆ พร้อมกับกล่าวว่า ก็ไปด้วยใจ และเดินเข้าตึกไทยคู่ฟ้าในทันที