"บิ๊กโจ๊ก" ส่งสำนวนคดี ตม. 116 นาย ปลอมวีซ่าคนจีน ให้ป.ป.ช.พิจารณา ไม่หวั่นมีชื่อเพื่อนร่วมรุ่นในสำนวนคดี หากทำผิดก็ว่าไปตามผิด ไม่ละเว้น
พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตรวจสำนวนคดี ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เอื้อประโยชน์ออกวีซ่าทุนจีน ซึ่งเป็นการออกวีซ่าผิดประเภท โดยฟ้องตำรวจตรวจคนเข้าเมืองทั้งหมด 116 นาย ในจำนวนนี้ มีนายพล 3 นาย โดยสำนวนคดีถูกส่งต่อไป ป.ป.ช. เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา
พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า สำนวนคดีมีผู้ต้องหาเป็นข้าราชการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 116 นาย แบ่งออกเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จำนวน 107 นาย ซึ่งในจำนวนนี้มีนายพลอยู่ด้วย 3 นาย โดยมีพฤติกรรมคดี กระทำต่างกรรมต่างวาระ รวม 8,000 กรรมด้วยกัน
ส่วนอีก 9 นาย ฟ้องในฐานความผิดเรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบความเชื่อมโยงเอาผิดได้ 9 นาย ในขณะนี้สอบปากคำพยานไปแล้วกว่า 400 ปาก แต่ในส่วนของผู้ต้องหา ที่ไม่ได้มีการสอบปากคำ เป็นอำนาจของพนักงานสอบสวนที่สามารถทำได้ หากเห็นว่า หลักฐานและพยานมีน้ำหนักเพียงพอที่จะดำเนินคดีในความผิด ไปผู้ถูกกล่าวหาสามารถชี้แจงในชั้นไต่สวนของ ป.ป.ช. ได้ โดยพยานหลักฐานต่างๆ ในคดีทั้งหมดที่จะส่งมอบ ให้ ป.ป.ช. ในวันนี้ มีมากกว่า 40 ลัง สำนวนคดีมากกว่า 1 แสนแผ่น
ขณะเดียวกัน พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ยังระบุถึง นายพลที่ถูกดำเนินคดี และเป็นเพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนนายร้อยตำรวจด้วยว่า แม้จะเป็นเพื่อนร่วมรุ่น แต่หากทำผิดก็ต้องดำเนินคดี รวมทั้งนายตำรวจที่เกษียณอายุราชการไปแล้วก็จะมีขั้นตอนในการดำเนินคดีตามกฎหมายเช่นเดียวกัน
ส่วนกรณีที่มีตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ส่งเรื่องร้องเรียนไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า ตัวเองปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการสอบสวน ถือว่า เป็นสิทธิ์ที่ผู้ร้องเรียนสามารถกระทำการได้ เนื่องจากเป็นการตรวจสอบในทุกมิติของกระบวนการทำงาน ยินดีที่จะให้มีการตรวจสอบเพื่อความโปร่งใสกับทุกฝ่าย
"ถึงเวลาแล้ว ที่จะต้องปฏิรูปการทำงานของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เพราะเป็นด่านหน้าของประเทศ ที่มีหน้าที่คัดกรองผู้คนเข้าสู่ประเทศ หากทำงานดีมีประสิทธิภาพก็จะสามารถ ลดปัญหาอาชญากรรมลงได้" พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ระบุ
นอกจากนี้ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ยังกล่าวว่า การสืบสวนขยายผลจากคดีนี้ ได้เครือข่ายในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ พบมีกลุ่มคนจีนเข้ากว้านซื้อหมู่บ้านจัดสรรหลายแห่ง อย่างน้อย4- 5 โครงการ โดยเป็นการซื้อเหมาทั้งโครงการไปจนถึงการพยายามที่จะซื้อโรงเรียนเอกชน และว่าจ้างคนไทยในกลุ่มอาชีพหัตถการ งานฝีมือด้านต่างๆ ว่าจ้างทำผลิตภัณฑ์ เพื่อส่งออกจำหน่ายไปยังประเทศจีนด้วย