มามาดใหม่ลุคติดดิน! "เศรษฐา" ลุยต่างจังหวัดครั้งแรก นั่งรถอีแต๊กจับเข่าคุย-ล้อมวงกินข้าว ฟังปัญชาวนา กลางทุ่งผักไห่ อยุธยา มั่นใจ "เพื่อไทย" เป็นรัฐบาลทำให้ชาวนามีเงินเข้ากระเป๋าถึงมากถึง 3 เท่า
10 มี.ค. 66 นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมทีมเศรษฐกิจ นายณัฐวุฒิใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลงพื้นที่กลางทุ่งนาทุ่งผักไห่ อยุธยา ซึ่งเป็นพื้นที่เกษตรกรรมและเป็นพื้นที่รับน้ำในช่วงหน้าฝน โดยเป็นการจัดเวทีบนรถอีแต๊กถกปัญหาจากชาวนา ซึ่งส่วนใหญ่ชาวนาจะสะท้อนปัญหาเรื่องราคาปุ๋ยที่สูง ทำให้ต้นทุนการผลิตสูง แต่ราคาข้าวกลับถูก จึงอยากได้ราคาข้าวไม่ต่ำกว่าตันละ 10,000 บาท ขณะที่ปัญหาเรื่องน้ำท่วม แม้จะเป็นพื้นที่รับน้ำ แต่ก็อยากให้เร่งแก้ปัญหาช่วยระบายน้ำออกจากพื้นที่ซึ่งปีที่ผ่านพื้นที่อำเภอผักไห่ต้องรับน้ำนานถึง 4 เดือน ขณะที่หน้าแล้งก็ไม่มีน้ำกักเก็บไว้สำหรับทำการเกษตร ส่วนเรื่องเงินเยียวยาก็ล่าช้าและได้ไม่เท่ากับการสูญเสียที่พักอาศัยและพื้นที่การเกษตร
นายเศรษฐา กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ลงพื้นที่นี้เป็นจังหวัดแรก เพื่อรับฟังความอัดอันตันใจของชาวนาในการทำไร่ทำนา ตนทราบว่าปัญหาเยอะเหลือเกิน แต่ 8 ปีที่ผ่านมาเราเชื่อว่าเราอยู่ในหลุมดำของกลับดักรายได้ต่ำ ราคาข้าวไม่ดีผลผลิตไม่ดี และมีปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งมาโดยตลอด ยืนยันส่าปัญหาน้ำท่วมเรามีแผนงานทำฟลัดเวย์หรือพื้นที่กักน้ำเพื่อแบ่งเบาภาระในช่วงน้ำหลาก เรื่องน้ำแล้งนั้นจะต้องมีการขุดบ่อและนำปั๊มน้ำเข้ามาในพื้นที่ ส่วนปัญหาหนี้สินก็เป็นปัญหาใหญ่ที่พรรค พท. ตระหนักดีอยู่ เนื่องจากราคาข้าวที่ผ่านมารัฐบาลไม่ให้ความสำคัญหรือเปิดตลาดใหม่ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ไม่ทำหน้าที่เซลล์แมนขายของเลย ถ้าพรรค พท. ได้รับความไว้วางใจกรุยทางถนนเข้าทำงานในทำเนียบรัฐบาล เพื่อช่วยกันค้าขายยกระดับราคาสินค้าเกษตร รวมถึงให้ความสำคัญเรื่องระบบสาธารณสุข ในการยกระดับ 30 บาทรักษาทุกโรคด้วย
“เป็นครั้งแรกที่ผมลงพื้นที่รับฟังปัญหาและความอัดอั้นตันใจของพี่น้องทุกคน ผมก็หนักใจ แต่เรามีความจริงใจเรามีความตั้งใจจริงในการที่จะหาทางแก้และช่วยเหลือพี่น้องอย่างเต็มที่”
หลังรับฟังเสียงสะท้อนจากชาวนา นายเศรษฐาได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยเฉพาะประเด็นที่ชาวนาสะท้อนคือเรื่องราคาปุ๋ยแพงและ ราคาข้าวตกต่ำ ว่า ราคาเป็นแค่ปัจจัยหนึ่ง หากราคาแพงต้นทุนก็จะสูง เงินเข้ากระเป๋าก็จะน้อย หน้าที่ของพรรคเพื่อไทยคือจะต้องเพิ่มเงินสุทธิเข้ากระเป๋าเข้ากระเป๋าให้มากขึ้นอย่างน้อยสามเท่า ทั้งการลดราคาสินค้าและค่าใช้จ่าย
ส่วนปัญหาราคาปุ๋ยแพง สามารถยอมรับว่าเป็นไปตามกลไกราคาตลาดโลกที่ควบคุมได้ยาก ดังนั้นจึงมีนโยบายสร้างโรงงานผลิตปุ๋ยอินทรีย์ในท้องถิ่นเพื่อทดแทนการใช้ปุ๋ยเคมี ซึ่งจะทำให้เราสามารถควบคุมราคาปุ๋ยลงได้
เมื่อถามว่า 8 ปีที่ผ่านมารัฐบาลชุดนี้ยังไม่ สามารถแก้ไขปัญหาราคาข้าวได้มั่นใจหรือไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะทำได้ นายเศรษฐากล่าวว่าคงไม่สามารถพูดถึง 8 ปีที่ผ่านมาได้ แต่ทราบถึงความอึดอัดตันใจ ไม่มีความสุข ที่ราคาพืชผลตกต่ำ แต่ตนมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยสามารถทำได้ในหลายมิติ เพื่อ กระตุ้นเศรษฐกิจให้ประชาชนอยู่ดีกินดี
ส่วนพื้นที่ผักไห่ซึ่งเป็นพื้นที่รับน้ำและที่ผ่านมารับน้ำนานถึง 4 เดือน พรรคเพื่อไทยมีแนวทางแก้ปัญหาเรื่องน้ำอย่างไรเพื่อให้มีการระบายน้ำในพื้นที่ได้เร็วขึ้น นายเศรษฐากล่าวว่า ต้องดูข้อมูลทางภูมิศาสตร์ทั้งระบบ ว่าทำไมถึงเป็นพื้นที่รับน้ำและรับน้ำนานถึงสี่เดือน จำเป็นต้องศึกษารายละเอียดก่อน แต่แน่นอนว่าพื้นที่ที่เดือดร้อนต้องมีวิธีการบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชน
ส่วนการเปิดนโยบายอีกสี่นโยบายใหญ่ของพรรคเพื่อไทยที่วางไว้จะเปิดวันที่ 17 มีนาคมนี้ นายเศรษฐากล่าวว่าขอให้รอดู เราจะมีการประกาศนโยบายใหญ่ ซึ่งจะเป็นนโยบายที่กระตุ้นเศรษฐกิจได้มโหฬาร
เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยเคยประสบปัญหาเรื่องนโยบายจำนำข้าว นายเศรษฐา ย้ำว่า ต้องให้ความสำคัญเรื่องเงินสุทธิที่จะเข้ากระเป๋าชาวนา เรื่องการจำนำข้าวเป็นเรื่องของราคาอย่างเดียว นโยบายของพรรคเป็นนโยบายโดยรวมเพื่อให้ชาวนามีเงินในกระเป๋า หลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้วจะสูงกว่าเดิมถึง3 เท่า คงไม่ใช่แค่เรื่องของการจำนำข้าวอย่างเดียว
ส่วนกรณีที่นายเศรษฐาได้มีการโอนหุ้นและขายหุ้นเพื่อ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจในทางการเมืองนั้น นาย เศรษฐากล่าวว่าได้โอนหุ้นให้ลูกสาวซึ่งบรรลุนิติภาวะเรียบร้อยแล้ว เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจในการเข้าสู่การเมือง โดยไม่เอาผลประโยชน์ส่วนตัวหรือประโยชน์ของบริษัทมาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งผู้ที่รับก็จะต้องเสียภาษีตามกฏหมาย
จากนั้นนายเศรษฐาได้เดินชมทุ่งนา ก่อน ร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับชาวนา ที่เตรียมมาเป็นเมนูข้าวแกงและขนมจีนน้ำยา ซึ่งเศรษฐาบอกว่ากับข้าวถูกปากและอร่อยดี