"ป้า"เห็นต่างถูกรวบตัวดำเนินคดี หลัง "นายกฯตู่" ลงพื้นที่บ้านโป่ง จ.ราชบุรี แค่จะยื่นเรื่องร้องทุกข์ ทำไมทำกันแบบนี้ ลั่นสมัยหน้าขอเลือกนายกฯที่ไม่นั่งญาณแบบท่านประยุทธ์
จากกรณี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะลงพื้นที่ติดตามดูโครงการแผนพัฒนา อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี โดยขณะที่ขบวนรถนายกรัฐมนตรีกำลังจะเข้าสู่ศาลาประชาคม เพื่อรับฟังความคืบหน้าของโครงการ ได้มีประชาชนที่เห็นต่างจำนวน 2 คน มายืนอยู่ด้านหน้าลานจอดรถ ก่อนที่หนึ่งในนั้นคือ น.ส.วันทนา จะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิง รวบตัว พร้อมกับใช้มือปิดปาก ลากเข้าไปหลบบริเวณซอกรถ โดยเจ้าหน้าที่ได้ใช้ร่มมากางปิด เพื่อกันไม่ให้ถ่ายภาพเหตุการณ์ แล้วนำตัวขึ้นรถไปยัง สภ.บ้านโป่ง
ส่วนผู้หญิงอีกคนหนึ่งได้แสดงสัญลักษณ์ชู 3 นิ้ว ท่ามกลางชาวบ้านที่ยืนคอยต้อนรับนายกรัฐมนตรี จึงทำให้เกิดปากเสียงกันเล็กน้อย โดยไม่ได้มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 18.30 น. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก พ.ต.อ.ปิยะพงษ์ วงค์เกตุใจ ผกก.สภ.บ้านโป่ง ถึงกรณีการควบคุมตัว น.ส.วันทนา ว่า ขณะที่ขบวนรถยนต์ของนายกรัฐมนตรีใกล้จะเดินทางมาถึง เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงพบ น.ส.วันทนา ไม่ยืนอยู่ในจุดที่กำหนดไว้สำหรับประชาชน จึงได้แจ้งให้ขึ้นไปอยู่บนฟุตบาท ซึ่งเป็นจุดที่เจ้าหน้าที่กำหนดไว้ แต่ น.ส.วันทนาไม่เชื่อฟัง และไม่ยอมเดินขึ้นไปยืนที่จุดดังกล่าว
และเมื่อขบวนรถยนต์ของนายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุ น.ส.วันทนา ได้แสดง พฤติกรรมด้วยการถอดเสื้อตัวนอกออก เหลือเพียงเสื้อคอกระเช้า พร้อมทั้งส่งเสียงร้องเอะอะโวยวาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าไปขอความร่วมมือให้ใส่เสื้อและอยู่ในความสงบ แต่ น.ส.วันทนากลับไม่เชื่อฟัง และยังพยายามส่งเสียงเอะอะโวยวายตะโกนด่าทอนายกรัฐมนตรีด้วยถ้อยคำหยาบคาย
นอกจากนี้ยังพยายามวิ่งเข้าไปขวางขบวนรถของนายกรัฐมนตรี เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงจึงเข้าควบคุมพร้อมใช้มือป้องปาก เพื่อหยุดการกระทำดังกล่าว แต่ น.ส.วันทนา ได้ต่อสู้ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ ด้วยการใช้มือดึงผม และใช้ปากกัดนิ้วของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกนายหนึ่งจึงได้ใช้มือบีบ เพื่อให้ น.ส.วันทนา หยุดการกระทำและยอมคลายปากจากการกัดนิ้ว
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ มีบาดแผลที่บริเวณนิ้วก้อยและเข่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ควบคุมตัว น.ส.วันทนา ส่งพนักงานสอบสวน พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา “ผู้ใดทราบคำสั่งของเจ้าพนักงาน ซึ่งสั่งการตามอำนาจที่มีกฎหมายให้ไว้ ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้น โดยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควร และส่งเสียง ทำให้เกิดเสียง หรือกระทำความอื้ออึงในที่สาธารณะ และต่อสู้ หรือขัดขวางเจ้าพนักงาน หรือผู้ซึ่งต้องช่วยเจ้าพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติการตามหน้าที่ โดยใช้กำลังประทุษร้าย”
ต่อมาเมื่อเวลา 19.00 น. น.ส.วันทนา จึงได้รับการประกันตัว
โดย น.ส.วันทนา ได้เปิดเผยว่า ตนได้มายืนรอพบนายกรัฐมนตรี อยู่ที่บริเวณลานจอดรถหน้าศาลาประชาคม จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เดินมาสอบถาม พร้อมให้ตนไปยืนรวมกับชาวบ้านที่บริเวณฟุตบาท แต่ตนยืนยันที่จะอยู่ตรงนี้ เพราะต้องการร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ที่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตทั้งต่อตนและครอบครัว ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเคยเข้าร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรม และแจ้งความที่ สภ.บ้านโป่ง มาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้ได้
"ครั้งนี้ตนเห็นว่านายกฯ เดินทางมาที่ อ.บ้านโป่ง ด้วยตัวเอง จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะแจ้งความทุกข์ร้อนให้ได้ทราบ ซึ่งในความเป็นจริง นายกฯ ควรจะรับฟังความทุกข์ของประชาชน ไม่ใช่แค่มารับฟังเสียงปรบมือ แต่กลายเป็นว่าตนกลับโดนเจ้าหน้าที่ 5-6 คน อุ้มตัวออกไป ทั้งที่ยังไม่มีความผิด แถมถูกทำร้ายร่างกาย ทั้งกระชาก ปิดปาก จนได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่า และข้อเท้าข้างซ้ายจนบวม พร้อมทั้งแจ้งข้อกล่าวหาว่าตนไปทำร้ายเจ้าหน้าที่" นางสาววันทนา กล่าว
ในส่วนของเรื่องการถอดเสื้อที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวถึง น.ส.วันทนา ได้ชี้แจงว่า ตนได้บอกกับเจ้าหน้าที่เองว่า “อย่าเข้ามาใกล้ตัวป้า ไม่อย่างนั้นป้าจะถอดเสื้อ” เพราะตนไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่จะเข้ามาทำอะไร แต่ก็ยังไม่ได้ถอด เจ้าหน้าที่ก็รุมเข้ามาจับแล้ว
ส่วนกรณีวิ่งขวางขบวนรถ น.ส.วันทนา ตอบว่า ขบวนรถยังไม่มา ยังไม่เห็นเงารถเลย ป้าก็โดนจับแล้ว และยังกล่าวต่ออีกว่า ถ้าวันนี้ไม่เหนื่อย ป้าอยากจะปีนหลังคาโรงพักบ้านโป่ง แล้วกระโดลงมาให้มันจบๆ ไปเลย
สำหรับด้านคดีความหลังจากนี้ ตนได้รับความช่วยเหลือจากทนายสิทธิ์มนุษยชนที่จะเข้ามาดูแล
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่าจะหวนกลับลงเล่นการเมืองอีกครั้งหรือไม่ เพราะเมื่อปี 2562 น.ส.วันทนา เคยเป็นอดีตผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.ราชบุรี เขต 4 บ้านโป่ง จากพรรคเพื่อชาติ โดยได้รับคำตอบว่า ตนแก่แล้ว ไม่คิดจะกลับไปเล่นการเมือง แต่จะขอใช้สิทธิ์ในการเลือกนายกรัฐมนตรี ที่ช่วยแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน และรับฟังปัญหาที่แท้จริงของประชาชน ไม่ใช่นั่งญาณแบบท่านประยุทธ์ และยิ่งมาเจอเหตุการณ์ในวันนี้ ทำให้รู้สึกว่าเกินกว่าเหตุมาก