จับแล้ว "เสี่ยนพ" หรือนายนพดล อดีตสามีโหด ยิงอดีตภรรยาและสามีใหม่ดับคาบ้าน ติดต่อมอบตัว อ้างอดีตภรรยาตีจากจึงตามมาทวงแค้น
วันที่ 14 มีนาคม 2566 กรณีอดีตสามีบุกยิงอดีตภรรยาและสามีใหม่ที่เพิ่งอยู่ด้วยกันได้เพียง 15 วัน จนเสียชีวิตภายในบ้าน หมู่ 9 ต.ซับไม้แดง อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ โดยนายสุรชัย อายุ 40 ปี เจ้าของบ้าน นอนเสียชีวิตสภาพถูกของมีคม มีบาดแผลถูกฟันเข้าที่ทัดดอกไม้เหนือใบหูซ้าย 1 แห่ง ถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่ขมับ 1 นัด ใกล้กันพบร่างนางกัญญารัตน์ อายุ 41 ปี ถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่ขมับขวา 1 แห่ง สภาพนอนจมกองเลือด นอกจากนี้ ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. ตกอยู่ 2 ปอก หัวกระสุนปืน 1 หัว และพบรถยนต์กระบะ 4 ประตู ของผู้ตายจอดเปิดประตูทิ้งไว้
ต่อมาวันที่ 9 มี.ค. ตำรวจ สภ.บึงสามพัน ทราบตัวผู้ก่อเหตุพร้อมทั้งได้ขออนุมัติศาลจังหวัดวิเชียรบุรี ออกหมายจับนายนพดล แก่นสน หรือเสี่ยนพ อายุ 52 ปี ซึ่งเป็นอดีตสามีของนางกัญญารัตน์ ซึ่งหลังก่อเหตุเสี่ยนพได้ขี่รถจักรยานยนต์ ฮอนด้าเวฟ 160 สีเขียวขี้ม้า หลบหนีไปทาง 4 แยกซับสมพงษ์ โดยมีกล้องวงจรปิดจับภาพได้อย่างชัดเจน
ล่าสุดวันนี้ 14 มี.ค. พล.ต.ต.ฐเดช กล่อมเกลี้ยง ผบก.ภ.จว.เพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้า นายนพดล แก่นสน ผู้ต้องหาได้ติดต่อขอมอบตัวในเขตพื้นที่ของ สภ.ชนแดน อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ หลังจากหลบหนีการจับกุมเป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์ โดยรับสารภาพว่า เป็นคนก่อเหตุจริง อ้างว่าแค้นที่อดีตภรรยาหนีไปอยู่กับชายอื่น หลังสืบทราบที่อยู่ของอดีตภรรยาว่าไปอยู่ที่บ้านฝ่ายชาย จึงได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปตาม เพื่อเจรจาขอให้อดีตภรรยากลับบ้าน โดยได้พกอาวุธปืนขนาด 9 มม. ติดตัวมาด้วย หลังเจรจาไม่เป็นผล อดีตภรรยาไม่ยอมกลับบ้าน จึงใช้อาวุธปืนยิงทั้ง 2 คนจนเสียชีวิต จากนั้นก็ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป โดยไปหลบซ่อนตามบ้านคนรู้จักในเขตพื้นที่ ต.วังชมภู อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ และบ้านญาติในพื้นที่ อ.ชนแดน กระทั่งวันนี้ ทนแรงกดดันจากตำรวจไม่ไหวจึงได้ติดต่อขอมอบตัว แต่ไม่พบอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ สภ.บึงสามพัน จึงได้นำตัวผู้ต้องหาไปค้นหาอาวุธปืน จุดที่ผู้ต้องหาอ้างว่าโยนทิ้งระหว่างทางหลบหนีแต่ยังไม่พบ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บึงสามพัน ได้นำตัวผู้ต้องหา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ณ จุด เกิดเหตุ
เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, โดยไตร่ตรองไว้ก่อน, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต