เจ้าของอู่เคาะพ่นสี ช่วยยายวัย 80 ปี ลอยมากับแม่น้ำน่าน ทีแรกคิดว่าศพ ก่อนพบว่ายายกระพริบตา จึงช่วยขึ้นเรือกลับฝั่ง รอดตายหวุดหวิด

เจ้าของอู่เคาะพ่นสีก็กลายเป็นฮีโร่ เมื่อสามารถช่วยยายวัย 80 ปี ที่พลัดตกน้ำลอยมาไกลกว่า 3 กิโลเมตร ให้รอดชีวิตได้อย่างหวุดหวิด โดยสาเหตุการตกน้ำน่าจะเกิดจากอาการการหลงลืม

ที่จังหวัดพิจิตร เมื่อเวลา 16.00 น ที่ผ่านมา นายบัญชา สีมะเดื่อ หรือจิ๋ม วัย 61 ปี เจ้าของอู่เคาะพ่นสีจิ๋ม ภายในเขตเทศบาลเมืองพิจิตร ก็กลายเป็นฮีโร่ เมื่อสามารถช่วยเหลือยายวัย 80 ปี ให้รอดพ้นจากการจมน้ำได้อย่างหวุดหวิด โดยนายบัญชา เล่าให้ฟังว่า ในขณะที่ตนเองกำลังนั่งตกปลาอยู่ที่แม่น้ำน่าน บริเวณใกล้ๆวัดราชช้างขวัญ อยู่ๆก็ได้เห็นมีศพลอยน้ำผ่านมาในสภาพไม่สวมเสื้อผ้า จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและกู้ภัยทราบ และขับเรือติดตามศพที่กำลังลอยอยู่กลางแม่น้ำ โดยเมื่อพยามขับเรือเข้าไปใกล้ๆ ก็เห็นคุณยายกระพริบตา ก็รู้สึกตกใจ และเมื่อตั้งสติได้ จึงเห็นว่าไม่ใช่ศพ และได้พยามช่วยเหลือ นำตัวขึ้นมาบนเรือ โดยพบว่าคุณยายไม่สวมเสื้อผ้า โดยยายมีไม้ 1 ท่อนพยุงอยู่ด้านหลังทำให้ไม่จมน้ำ และลอยคอมาไกลถึง 3 กิโลเมตร

และจากการสอบถามชาวบ้านก็พบว่า คุณยายท่านนี้คือนางบุญช่วย อายุ 80 ปี โดยผู้สื่อข่าวได้พยามถามคุณยายถึงสาเหตุการลอยมา โดยพยามถามว่า คุณยายลงมาอาบน้ำหรือไม่แต่ยายก็ตอบว่าอาบน้ำแล้ว แต่ไม่สามารถบอกเหตุการณ์ที่ตกน้ำได้

ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปที่บ้านของคุณยายบุญช่วย ก็ได้พบกับนายประสงค์ เพื่อบ้านยายบุญช่วย ก็ได้ความว่า ยายบุญช่วยอยู่คนเดียวตามลำพัง สามีเสียชีวิตไปนานแล้ว ส่วนลูกหลานก็ไม่ทราบว่า ย้ายไปทำมาหากินที่ไหนหมด ในขณะนี้ก็มีเพื่อนบ้าน ผู้นำหมู่บ้าน แบ่งอาหารมาให้รับประทานและคอยดูแลยาย โดยยายมีรายได้ทางเดียวคือเบี้ยผู้สูงอายุ ส่วนสาเหตุการณ์ที่ยายตกลงไปในน้ำน่าจะเกิดจากการหลงลืมเดินลงไปตักน้ำมารดต้นไม้ ส่วนการอาบน้ำ เพื่อนบ้านก็จะคอยสูบน้ำใส่โอ่งไว้ให้ยายได้อาบได้อย่างสะดวกที่หน้าบ้าน และบางครั้งคุณยายก็หลงลืมขนาดพูดคนเดียวทั้งคืน

โดยเหตุการณ์ครั้งนี้หากนายบัญชา ไม่ขับเรือตามไป ก็เชื่อว่า ยายบุญช่วยน่าจะหมดแรงและจมน้ำเสียชีวิตในที่สุด โดยไม่มีใครเห็น เนื่องจากแม่น้ำน่าน ในสภาพปัจจุบัน ไม่มีผู้คนที่ทำกิจกรรมหรือในแม่น้ำน่าน จะมีเพียงชาวบ้านที่หาปลาที่มีไม่มากนัก และหากมองจากฝั่งก็จะไม่ทราบว่าเป็นคนลอยน้ำเนื่องจากอวัยวะยายโผล่มาแต่ช่วงศรีษะเท่านั้น