พร้อมขึ้นสังเวียน!! ชาติพัฒนากล้า เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ครบ 33 คน ภายใต้สโลแกน "กล้า FIGHT" สุวัจน์-กรณ์ มั่นใจผู้สมัครมีคุณภาพ นโยบายตอบโจทย์คนกรุงเรื่องปากท้อง เชื่อกลับมาปักธงได้อีกครั้ง

31 มี.ค. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคชาติพัฒนากล้า นำโดยนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรค ,นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค และ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคเปิดตัว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 33 เขต ชูสโลแกน “กล้า FIGHT : ชาติพัฒนากล้า เราสู้เพื่อคุณ” อัด - พลังงานต้องถูก ฟาด - ระบบภาษีต้องเป็นธรรม ทุบ - ระบบสินเชื่อดอกต้องลด เพื่อคนไทย งานดี มีเงิน ของไม่แพง โดยจัดงานในรูปแบบสังเวียนมวยไทยไฟท์เพื่อสื่อถึงความพร้อมที่จะชนกับทุกปัญหา

โดยนายสุวัจน์กล่าวว่าเชื่อมั่นว่าว่าที่ผู้สมัครทั้ง 33 คนจะไฟท์เพื่อประชาชน พร้อมขอบคุณนายกรณ์ และนายอรรถวิชช์ที่เป็สแกนนำในการทำงาน พรรคชาติพัฒนากล้าเคยปักธงกรุงเทพมา 1 คน คือนางปวีณา หงสกุล ซึ่งเป็นส.ส.กรุงเทพของพรรคชาติพัฒนาในขณะนั้น การเลือกตั้งครั้งนี้ชาติพัฒนากล้าจะต้องปักธงกรุงเทพอีกครั้งเพื่อทำงานรับใช้และพาทุกคนฝ่าวิกฤตเศรษกิจ

ด้านนายกรณ์ กล่าวว่า เราชกลมกันมานานได้เวลาที่ผู้สมัครจะขึ้นเวทีชกจริงกับปัญหาของประชาชน เรามาเพื่อสู้กับปัญหาของประชาชน ช่วงนี้ปัญหามากมาย โดยเฉพาะปัญหาของแพง การทำมาหากิน หนี้สิน นี่คือภารกิจสำคัญของชาติพัฒนากล้า เราตระหนักว่าการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไม่เพียงพอ ต้องอาศัยความกล้าในการรื้อระบบ เพื่อลดต้นทุนพลังงาน ทำให้ค่าไฟเป็นธรรม ซึ่งพรรคชาติพัฒนากล้าต่อสู้เรื่องนี้พรรคเดียวมาตั้งแต่ปีที่แล้ว นอกจากนี้ยังมีกองทุนให้ประชาขนติดโซลาร์ปลอดดอกเบี้ย และสร้างโอกาสให้ประชาชน หนึ่งในนั้นคือโอกาสทางการแข่งขัน แก้ระบบสินเชื่อให้ทุกคนกู้เงินได้ด้วยอัตราที่เป็นธรรม ยกเลิกเครดิตบูโร

ขณะที่ภาษีก็ต้องเป็นธรรม ปรับลดภาษีมนุษย์เงินเดือนให้อยู่ในระดับที่อยู่ได้ ทุกคนที่รายได้ต่ำกว่า 40,000 บาทต่อเดือนต้องได้รับการยกเว้นภาษี ทุกเรื่องต้องอาศัยความกล้าหาญและความตั้งใจ ก่อนย้ำว่าเราไม่ใช่พรรคลดแลกแจกแถม แตาเสนอยุทธศาสตร์ชัดเจนว่าประเทศและประชาขนจะมีรายได้เพิ่มอย่างไร

จากนั้นได้เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครทั้ง 33 เขต ที่มีบุคลากรจากหลากหลายวงการทั้งนักธุรกิจ อดีตสื่อมวลชน คนรุ่นใหม่

จากนั้นแกนนำพรรคได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมหลังจบการแถลงข่าว โดยนายกรณ์กล่าวเพิ่มเติมว่ามั่นใจในผู้สมัครทั้ง 33 เขต เช่นเดียวกับจังหวัดนครราชสีมาที่ส่งครบทั้ง 16 เขต ซึ่งพรรคเตรียมกันเพื่อสิ่งนี้มานาน ผู้สมัครเข้าใจเหตุผลและที่มาของนโยบายพรรคอย่างลึกซึ้ง เพื่อตอบโจทย์ปัญหาปากท้องประชาชน และพร้อมที่ลงสมัครในวันที่ 3 เมษายนนี้

ส่วนแผนสำรองหากศาลปกครองพิจารณาเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้ง อาจมีผลให้เกิดการปรับเปลี่ยนผู้สมัคร นายสุวัจน์กล่าวว่าเป็นเรื่องของ กตต. ไม่ใช่เรื่องของพรรค อีกทั้งผู้สมัครทั้ง 33 เขต ผ่านการทำไพรมารีโหวตแล้ว เชื่อว่าไม่มีผลกระทบอะไร แต่ถ้าคำวินิจฉัยออกมาแล้วจำเป็นต้องปรับรูปแบบ ในส่วนของพรรคคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

ส่วนเรื่องบัตรเลือกตั้งเชื่อว่า กกต.ทราบดีในการจัดทำบัตรและรอบนี้มี 2 บัตร ผู้สมัครคนละเบอร์สำหรับพรรคเดียวกัน แต่เบอร์พรรคเบอร์เดียวกัน ก็ต้องประชาสัมพันธ์ และพรรคได้ประบรูปแบบการประชาสัมพันธ์ ทั้งโปสเตอร์และคัทเอาท์ต่างๆให้สอดคล้องกับกติกาอยู่แล้ว คงไม่ทำให้เกิดความสับสน และต้องรอว่าผู้สมัครและพรรคจะได้เบอร์อะไร เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหา ส่วน กกต.ก็ประชาสัมพันธ์ในภาพรวม

ส่วนการเปิดตัวส.ส.บัญชีรายชื่อและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคนั้น นายสุวัจน์คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 2 วันนี้ พร้อมระบุว่าตนยังไม่ได้บอกว่าจะลงหรือไม่ลงสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ขอหารือกันก่อน

เมื่อถามว่าการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาก็ไม่ได้ลง เป็นเพราะเห็นสัญญาณการเมืองอะไรบางอย่าง แต่หากไม่ลงรอบนี้ประเมินสถานการณ์การเมืองไว้อย่างไรนั้น นายสุวัจน์ยิ้มและกล่าวว่าต้องหารือกันว่าใครจะเป็นแคนดิเดตนายก ใครจะลงบัญชีรายชื่อบ้าง ส่วนพรรคจะส่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีกี่คน ก็เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ คือไม่เกิน 3 คน แต่มั่นใจในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะทั้งนายกรณ์และนายอรรถวิชช์ คัดเลือกผู้สมัครที่มีคุณภาพ เหมาะสม อีกทั้งนโยบายของพรรคครั้งนี้เกี่ยวข้องกับคนกรุงเทพ ที่ได้รับผลกระทบหลายเรื่องและนโยบายตอบโจทย์ เพราะเกี่ยวกับเศรษฐกิจ การลงทุน การท่องเที่ยว สิ่งแวดล้อม