"เสี่ยปาน 30 ล้าน" ที่ จ.อุดรธานี ได้เสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้ว "ป้าเก้า" พี่สาวเป็นผู้จัดการมรดก แต่ถูกญาติฟ้องเชิดเงินหลาน (ลูกของเสี่ยปาน) 3 ล้านบาท ป้าเก้าหนี ไม่มาฟังศาลจนถูกออกหมาย ล่าสุดพบเบาะแสพาสามีใหม่ชาวต่างชาติ แวะไปดูที่ดิน จะให้สามีซื้อที่
วันที่ 2 เมษายน 2566 กรณีมรดกเสี่ยปาน หรือนายยงยุทธ แก้วสวนจิก ชาว จ.อุดรธานี ที่ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 จำนวน 5 ใบ เป็นเศรษฐี 30 ล้านบาท ต่อมาเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งไปเมื่อ 13 พ.ค. 2565 ก่อนตายเสี่ยปานเขียนพินัยกรรมตั้งใจมอบเงิน 3 ล้านให้กับลูกชายวัย 8 ขวบ ที่เกิดกับน.ส.เสาวณี หรือมด อายุ 37 ปี อดีตภรรยา
แต่ปรากฏว่า ผู้จัดการมรดก คือ น.ส.สุธีรา หรือ “เก้า” พี่สาวของเสี่ยปาน ไม่ยอมจ่ายเงินดังกล่าว จนอดีตภรรยาเสี่ยปานต้องยื่นฟ้องต่อศาล จ.อุดรธานี ทั้งอาญาและแพ่งในข้อหายักยอกทรัพย์ แต่ "ป้าเก้า" พี่สาวเสี่ยปาน ไม่มาตามนัดถึง 3 ครั้ง จนถูกออกหมายจับ มีข่าวว่าป้าเก้าหนีไปภูเก็ต ยังไม่ออกมาชี้แจงเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ขณะที่ป้าติ๋ว ซึ่งเป็นพี่สาวคนโตของเสี่ยปานและป้าเก้า เดินทางมาจากต่างประเทศ เพื่อให้กำลังใจกับมด อดีตภรรยาของเสี่ยปาน และช่วยกันหาทางออก
ป้าติ๋ว บอกว่า อยากให้ น.ส. เก้า ออกมาพูดคุย ไม่ว่าจะมีเงินหรือไม่ ดีกว่าที่จะหนีไป เชื่อเวรกรรมมีจริง หนีไม่พ้น และยืนยันว่าสมบัติเสี่ยปานควรเป็นของลูกชาย ยอมรับหวั่นใจว่าเงินมรดกอาจไม่เหลือแล้ว เพราะน้องสาวชอบเล่นการพนัน
ด้าน น.ส.เสาวณี อดีตภรรยาเสี่ยปาน ยืนยันว่า จะเดินหน้าเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับลูกชายให้เป็นไปตามพินัยกรรม หวังว่าป้าเก้าจะรีบติดต่อมาพูดคุยก่อนเรื่องจะบานปลายไปมากกว่านี้ และจะตรวจสอบพินัยกรรมฉบับนี้ว่าเป็นของจริงหรือไม่
ล่าสุด มีเบาะแสในพื้นที่พบเห็นว่า ป้าเก้า พาสามีใหม่ซึ่งเป็นชาวต่างชาติ กลับมาที่บ้านหนองบ่อ ตั้งแต่วันที่ 28 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยพากันไปดูบ้านและที่ดินตามพินัยกรรมของเสี่ยปานที่ขายไปให้กับญาติสามีเก่าไปแล้ว แต่พยายามคะยั้นคะยอให้สามีชาวต่างชาติซื้อที่ตรงนี้เอาไว้ แต่ฝั่งสามียังไม่ตัดสินใจซื้อ
ขณะที่ชาวบ้านลือหนาหู สงสัยทำไมครอบครัวเสี่ยปานถึงมีปัญหามาตลอดหลังจากเสี่ยปานถูกหวย 30 ล้าน พี่ชายก็มาตาย ระยะเวลาห่างกันไม่นาน เสี่ยปานก็มาตายอีก โดยเฉพาะประเด็นที่ก่อนหน้านี้ ป้าเก้าไม่ถูกกับเสี่ยปาน แต่พอเสี่ยปานมาถูกหวย เธอก็กลับมาทำดีกับเสี่ยปานตลอด จนถึงนาทีสุดท้าย และกลายมาเป็นผู้จัดการมรดก
แต่เรื่องดังกล่าวเป็นเพียงข้อสงสัยของชาวบ้านเท่านั้น เพราะเสี่ยปานรู้ล่วงหน้ามาก่อนแล้วว่าตัวเองป่วยด้วยโรคหัวใจและโรคมะเร็ง จนเจ้าตัวประกาศล่วงหน้าว่าจะมีชีวิตอยู่ได้ประมาณ 1 ปี ตามคำวินิจฉัยของแพทย์