"ณัฐวุฒิ" ลั่นหมายเลข 22 เป็นการประจาน 8 ปี "บิ๊กตู่" ไม่มีนายกฯ คนไหนบริหารบ้านเมืองพังพินาศเท่าคนนี้ มาวันที่ 22 ก็ต้องไปด้วยเบอร์ 22
วันที่ 5 เมษายน 2566 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย กล่าวบนเวทีช่วงหนึ่งว่า พรรคเพื่อไทยมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี 3 คน มีผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน มี ส.ส.เขต 400 เขตและจะมีประชาชนเลือกไม่ต่ำกว่า 20 ล้านคน เราจะชนะเกินครึ่ง เราจะตั้งรัฐบาลประชาธิปไตย
ส่วนหมายเลข 29 ของพรรคเพื่อไทยจะทำให้ประชาชนจดจำยากหรือไม่ เรื่องนี้ไม่กังวลเพราะคนไทยเจ็บแล้วจำ ความเจ็บปวด 8 ปีที่ผ่านมาได้อย่างขึ้นใจ ไม่มียุคไหนเจ็บเท่านี้ ไม่มีนายกรัฐมนตรีคนไหนบริหารบ้านเมืองพังพินาศเท่าคนคนนี้ วันนี้ต้องไล่เผด็จการ ไล่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กับพวกกลับบ้านเอาเพื่อไทยใส่เข้าไปในทำเนียบรัฐบาล
ส่วนหมายเลข 22 ของพลเอกประยุทธ์นั้น กองเชียร์บอกว่า เหนือชั้น จำง่ายกว่าพรรคเพื่อไทย เพราะเป็นเลขเบิ้ล แต่นั่นไม่ใช่จับเบอร์ แต่เป็นการจับประจาน เพราะ 22 เป็นวันยึดอำนาจ วันนำพาชาติพินาศมา 8 ปี ไม่รู้ว่านายพีรพันธุ์มีอะไรในใจกับพลเอกประยุทธ์หรือไม่ เลยไปจับเบอร์นี้มาทำให้คนจำแม่น ทำให้บทเพลงเราจะทำตามสัญญาขอเวลาอีกไม่นาน กลับมาหลอกหลอนเราอยู่จนปัจจุบัน “ดังนั้นเลข 22 จึงหมายความว่า ตอกย้ำความจำและความเจ็บปวดของประชาชน คุณมาเมื่อวันที่ 22 คุณก็ต้องไปด้วยเบอร์ 22 นี่แหละ เพราะถูกปฏิเสธจากประชาชน ซึ่งหมายความว่ามาทั้งไหนไปทางนั้น แล้วการชูมือหมายเลขสองทั้งสองข้าง หมายความว่า ไปทั้งสองคน ทั้งพลเอกประยุทธ์ และพลเอกประวิตร ไปด้วยกัน”
และช่วงหนึ่งนายณัฐวุฒิได้ร้องเพลง โดยแปลงเนื้อเพลงจากเพลงสาวรำวง พูดถึงนโยบายเติมเงินในกระเป๋าติจิทัลว่า “อายุ 16 จะมีนายกเพื่อไทย ให้เงินไปใช้ในรัศมีสี่กิโล ยอดเท่าไหร่คุณเศรษฐาจะมาโชว์ นายกโง่ๆ 8ปีโบกมืออำลา”
ส่วนรัฐบาลที่ผ่านมา มีผลงานอยู่เรื่องเดียว คือ คลองโอ่งอ่าง ส่วนสถานการณ์โควิด-19 กว่าวัคซีนจะมา คนนอนตายกลางถนน กว่าวัคซีนจะถึงแขนประชาชน มันหล่นลงท้องคนในรัฐบาลไปกี่คน
นายณัฐวุฒิ ยังกล่าวถึงกรณีที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย คือ นางสาวแพทองธาร และนายเศรษฐา ไม่อยู่ในบัญชีรายชื่อ ส.ส. เพราะทันทีที่เปิดรายชื่อออกมาเป็นตายเท่ากัน บางกลุ่มก็บอกว่าเดี๋ยวจะถูกเล่นงาน บางกลุ่มก็บอกว่าเดี๋ยวจะไม่ได้อยู่ในประเทศ บนเวทีปราศรัยตนมองนางสาวแพทองธารจากด้านหลัง ด้านหลังของนางสาวแพทองธารมีทีมงานพรรคเพื่อไทย ส่วนข้างหน้ามีประชาชนคอยสนับสนุน แต่ก้าวเดินต่อไป ไม่รู้ว่าอะไรจะรอคอยว่าที่นายกฯ จากเพื่อไทยคนนี้บ้าง ส่วนนายเศรษฐา ก็เช่นเดียวกัน ดังนั้นเมื่อทั้งสองคนพูดชัดว่าถนัดงานด้านบริหาร ส่วนงานนิติบัญญัติให้เป็นหน้าที่ของ ส.ส. ตนคิดว่าเรื่องนี้พรรคเพื่อไทยก็ตรงไปตรงมา ที่จะให้คนที่กล้าหาญและเสียสละออกมาถือธงนำพรรคเพื่อไทย เคียงหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหาร ตนมั่นใจว่าช่วงปีที่ผ่านมา นางสาวแพทองธาร และนายเศรษฐา พบประชาชนมากกว่าพลเอกประยุทธ์
ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าหมายเลข 22 ของพลเอกประยุทธ์ และหมายเลข 37 ของพลเอกประวิตร จะมาแย่งเอาเก้าอี้นายกรัฐมนตรีไป เพราะไม่ได้ซื้อรางวัลที่หนึ่ง แต่รอรางวัลข้างเคียง หมายความว่า แพ้แต่รอถูกหวย ให้เพื่อไทยเอาเก้าอี้นายกรัฐมนตรีไปให้ แต่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทั้ง 3 คน ของเพื่อไทยไม่ยอมแน่นอน คนใดคนหนึ่งต้องเป็นนายกรัฐมนตรีแน่นอน