อุทาหรณ์คนชอบฉีดหน้า ฉีดฟิลเลอร์กับหมอกระเป๋า อักเสบทั้งหน้า หวิดเสียโฉม!

วันที่ 5 เม.ย. โซเชียลได้แห่แชร์ภาพของน้องมะลิ พริตตี้สาวที่เผยโฉมหน้าของตัวเองที่อักเสบ บวม แดง หลังไปฉีดหน้าที่คลินิกแห่งหนึ่ง พร้อมแคปชั่นว่า “อยากตายทุกวันเลย”

 

ล่าสุด 6 เม.ย. ผู้สื่อข่าวได้มาพบกับน้องมะลิ 26 ปี เล่าว่า ตัวเองทำงานเป็นพิธีกร ถ่ายแบบ Mc รู้จักหมอคนนี้เมื่อ 4 ปีก่อน เขาเปิดคลินิกอยู่ลาดพร้าว 122  ซึ่งรุ่นพี่นางแบบหลายคนแนะนำเพราะเคยมาทำที่นี่ ตอนนั้นก็มีไปโบท็อก ร้อยไหม ก็ไม่มีอาการอะไร หลังจากนั้น 1 ปี มีพี่ในวงการมาบอกว่าหมอคนนี้เป็นเพียงพยาบาล ตอนนั้นยอมรับไม่ได้สนใจอะไรเพราะเราไม่ได้มีผลกระทบ

 

กระทั่งวันที่ 17 มีนาคม ตนเองตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์กับเขาเป็นครั้งแรก ทีแรกจะไปฉีดที่คลีนิก แต่เขาอ้างว่าคลีนิกปิดไปแล้วเพราะโดนพิษโควิด จึงเรียกให้มาฉีดฟิลเลอร์ที่ห้องพัก โดยตอนนั้นตกลงกันที่  2700 / cc. ซึ่งถูกกว่า ฉีดร่องแก้ม 1.5/ ข้าง รวม 3 cc.  ปาก บนล่าง 1 cc.

ฉีดโบท็อก หน้าผาก กรอบหน้า ฉีดเฟ็ต ส่วนเกินใต้คาง แก้ม 1 ขวด ฟรี ในราคาประมาณ 15000 บาท

 

 

หลังฉีดได้ไม่ถึง ชม. น้ำมูกไหลเฉพาะฝั่งขวา และรอยช้ำ คิดว่าปกติ แล้วถ่ายรูปส่งไปให้ดู บอกเป็นอาการแพ้ยาชา ให้ไปซื้อยาฆ่าเชื้อ ยาปฏิชีวนะ Augmentin 1000 มาทานเพื่อลดอาการ

 

วันที่ 18 มีคิวงานที่อุดร แต่รู้สึกแสบโพรงจมูก จึงไปหาหมอซึ่งหมอก็ให้ยามากิน

 

วันที่ 19  เริ่มมีอาการ ตา จมูก ปากบวม  พอตอนเย็น มีเม็ดขึ้นแก้มขวา ทีแรกคิดว่าเป็นสิว คงไม่เป็นอะไรเลยเดินทางไปทำงานที่ลาว แต่อาการเริ่มแย่ลง

 

กระทั่งวันที่ 20 ตรงที่คิดว่าเป็นสิวทีแรกกลับเพิ่มขึ้น  และบวมแดง ซึ่งมีอาการแค่ด้านขวาทั้งๆที่ฉีด 2 ข้าง จึงตัดสินใจบินกลับมาแล้วไปหาหมอ ซึ่งหมอที่รักษาระบุว่าเป็นอาการของการฉีดฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือด ซึ่งเสี่ยงกับอาการฟิลเลอร์ไหลเข้าตา อาจทำให้ตาบอดได้ ตอนนั้นต้องฉีดยาสลายไป 6 ขวด ก่อนจะถูกส่งมารักษาต่อที่รามาฉีดยาสลายไปอีก  21 ขวด ตลอดเวลาที่รักษามา 14 วัน รวม 45 ขวด ตอนนี้อาการเริ่มดีขึ้น

 

หลังเกิดเหตุพยายามติดต่อหมอ มีภาระต้องดูแลครอบครัว ไม่มีเงินก้อนมาเยียวยา คุยล่าสุดเมื่อ 2 วันก่อนแต่ก็เงียบไป ที่ออกมาโพสต้องการเป็นอุทาหรณ์ให้กับคนที่จะฉีดอย่าใช้บริการหมอกระเป๋า ให้เลือกสถานพยาบาลให้ดี  ตอนนี้อยากให้ออกมารับผิดชอบมากกว่าส่งข้อความคำขอโทษมาให้ ซึ่งมองว่าไม่จริงใจ