รักษาการเจ้าอาวาสวัดบางคลาน ร้องกองปราบ ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์บุกยึดวัด ไล่พระออกจากวัด ทำร้ายคนงาน คณะกรรมการวัด บาดเจ็บหลายคน
วันนี้ (7 เม.ย.) ที่ ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พระครูพิสุทธิวรากร รักษาการเจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม หรือ วัดบางคลาน ต.บางคลาน อ.โพทะเล จ.พิจิตร พร้อม นายพร อายุ 70 ปี ไวยาวัจกร นายกิจชัย บุญปู่ ทนายความ เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.พีรวิชญ์ สุขเอม รอง สว.สอบสวน กก.4 บก.ป. เพื่อร้องขอความเป็นธรรม หลังมีกลุ่มชายชุดดำ พร้อมมวลชนจำนวนมากบุกเข้ายึดพื้นที่ภายในวัด รวมถึงไล่ทำร้ายร่างกายคนงานและคณะกรรมการวัดจนได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายคน
นายพร กล่าวว่า สาเหตุที่มาร้องขอความเป็นธรรมกับตำรวจกองปราบในวันนี้ เนื่องจากเมื่อวันที่ 6 เม.ย. ที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์ บุกเข้ามาไล่ทำร้ายคนงาน และ คณะกรรมการวัด ก่อนไล่ให้ออกจากพื้นที่วัด แล้วเข้ายึดพื้นที่ ซึ่งหลังเกิดเรื่องได้มีการเข้าแจ้งความไว้กับตำรวจท้องที่ จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการเข้าจับกุมกลุ่มบุคคลที่บุกรุกและเข้ามาทำร้ายคนงานในวัดแต่อย่างใด เมื่อสอบถามไปยังตำรวจท้องที่ก็ได้รับคำตอบเพียงว่าเจ้าหน้าที่มีกำลังไม่พอ ผู้บังคับบัญชายังไม่มีการสั่งการใดๆ ทำให้จนถึงตอนนี้กลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวก็ยังคงปักหลักยึดพื้นที่วัดอยู่เช่นเดิม
นายพร กล่าวต่อว่า ส่วนสาเหตุที่กลุ่มชายฉกรรจ์บุกเข้ามายึดพื้นที่วัดนั้น เชื่อว่าน่าจะมาจากการเสียผลประโยชน์ของกลุ่มบุคคลบางกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มอดีตไวยาวัจกรที่เคยบริหารจัดการวัดในสมัยอดีตเจ้าอาวาสคนก่อน รวมถึงผลพวงจากกรณีตรวจสอบพบการทุจริตยักยอกเงินวัดเกือบ 200 ล้าน ในช่วงระหว่างปี 2554-2557 ก่อนที่กลุ่มไวยาวัจกร และ คณะกรรมการวัดชุดใหม่จะเข้ามาบริหารวัดในปัจจุบัน จึงทำให้กลุ่มอดีตไวยาวัจกรเหล่านี้นำกลุ่มชายฉกรรจ์เข้ามาบุกยึดพื้นที่วัดกลับคืน
ด้าน นายกิจชัย กล่าวว่า พฤติกรรมของกลุ่มคนเหล่านี้ เปรียบเหมือนผู้มีอิทธิพล ไม่เคารพ หรือ เกรงกลัวต่อหมาย และ เชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต้องมีการวางแผนเตรียมการมาเป็นอย่างดี ซี่งจนถึงตอนนี้ ตำรวจท้องที่เองก็ยังไม่สามารถตามจับกุมผู้กระทำผิดเหล่านี้ได้ รู้ว่ากำลังเจ้าหน้าที่มีน้อย ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ก็ควรลงมาสั่งการ เพิ่มกำลังเพื่อเข้ามาควบคุมสถานการณ์ และ จับกุมผู้กระทำผิดไม่ได้ เพราะจนถึงตอนนี้ทั้งรักษาการเจ้าอาวาสรวมถึงคณะกรรมการวัดชุดปัจจุบันก็ยังไม่สามารถเข้าไปในวัดได้
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำผู้ร้องไว้เพื่อนำไปพิจารณาควบคู่กับพยานหลักฐาน ก่อนส่งต่อให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป