"พระเนติวิทย์" ร่อนจดหมายถึงสัสดี ติดสอบบาลีไม่ร่วมเกณฑ์ทหาร ขอเวลาจนถึงสิ้นเดือน เม.ย. ลาสิกขา เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม นรด.ย้ำชัดนำการบวชมาอ้างไม่ได้ มีโทษหนัก-ติดคุก
วันที่ 10 เม.ย.66 เพจเฟซบุ๊ก "Sulak Sivaraksa" ได้เผยแพร่จดหมายจาก พระเนติวิทย์ จรณสมฺปนฺโน หรือนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล หลังมีกำหนดต้องเข้ารับเลือกทหารกองเกินประจำปี 2566 แต่พระเนติวิทย์ไม่ได้เดินทางไปเข้าร่วมการเกณฑ์ทหาร
โดยมีข้อความระบุว่า "เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 57 ขณะที่อาตมายังเป็นนักเรียนมัธยมปลายและมีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ ได้พิจารณาเห็นเหตุปัจจัยหลายประการ ทั้งตนเองก็ไม่เห็นด้วยกับการบังคับเกณฑ์ทหารอันถือเป็นการเบียดเบียนสิทธิเสรีภาพของมนุษย์ จึงได้ตัดสินใจแถลงต่อสาธารณชนว่าจะไม่เข้าร่วมการเกณฑ์ทหารโดยเด็ดขาด
อาตมาอุปสมบทเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ตั้งแต่วันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๕ ศึกษาพระธรรมคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยความศรัทธาเลื่อมใส หากปราศจากการบังคับเกณฑ์ทหารแล้วไซร้ อาตมาก็ปรารถนาจะฝึกฝนตนเองในพระธรรมวินัยต่อไปตราบเท่าที่ตนพอใจ แต่เพื่อมิให้เกิดข้อครหาว่าอาตมาผิดคำสัตย์ที่เคยให้ไว้เมื่อเกือบ ๙ ปีก่อน มาอาศัยร่มเงาพระศาสนาหลบหนีการเกณฑ์ทหาร
ทั้งเพื่อมิให้ขัดต่อพระธรรมวินัย อาตมาจึงตัดสินใจแล้วว่าจะลาสิกขากลับมาเป็นผู้ครองเรือนเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทางกฎหมาย ยืนหยัดตามความเชื่อของตนที่อยากเห็นสังคมไทยมุ่งไปในทางสันติภาพยิ่งขึ้นและปราศจากการบังคับเกณฑ์ทหาร
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากก่อนหน้านี้อาตมามีกิจธุระเนื่องด้วยการสอบพระบาลีประโยค ๑-๒ ผ่านวิชาแปล แต่ไม่ผ่านวิชาไวยากรณ์ อาตมาปรารถนาจะเข้าสอบซ่อมให้ผ่านสมความตั้งใจในวันที่ ๑๕-๑๖ เมษายนศกนี้ จึงขอเวลาทำกิจนี้ให้สำเร็จก่อน และขอเวลาเตรียมตัว เพื่อลาสิกขาภายในสิ้นเดือนเมษายนนี้ ระหว่างช่วงเวลาสั้นๆ ที่อาตมายังอาจดำรงตนอยู่ในสมณเพศไว้ได้นี้ ขอให้ทุกท่านมีความกรุณาให้อาตมาได้ใช้เวลาทุกขณะที่เหลืออยู่อย่างคุ้มค่าในความสงบวิเวกอันสมควรแก่สมณเพศผู้ประพฤติพรหมจรรย์ด้วยเถิด"
อนึ่ง พระเนติวิทย์ได้ส่งไปรษณีย์แถลงเดียวกันนี้ไปยังสัสดีจังหวัดสมุทรปราการแล้ว พร้อมกันนี้ได้ฝากทางเพจลงข้อความนี้เผยแพร่สู่สาธารณ
ทั้งนี้ทางด้านแหล่งข่าวจาก หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (นรด.) ระบุว่า หากพระเนติวิทย์ ไม่เดินทางมาวันนี้ ก็จะส่งต่อให้นายอำเภอ ในฐานะเป็นผู้ออกมาเรียก ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย ร้องทุกข์กล่าวโทษ หรือ มอบหมายให้ผู้แทนไปดำเนินการ
กรณีถ้ารับหมายเรียกแล้วไม่มา การพิจารณาพิพากษาก็อยู่ที่ศาล ศาลอาจจะตัดสินจำคุกโดยไม่รอลงอาญา หรือตัดสินจำคุกแล้วรอลงอาญา ก็แล้วแต่ดุลพินิจของศาล กรณีของพระเนติวิทย์ผิดแน่นอน เนื่องจากว่ารับหมายเรียกแล้วไม่มา มีความผิดตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497 มาตรา 27 ระบุว่า ทหารกองเกินซึ่งถูกเรียกต้องมาให้คณะกรรมการตรวจเลือกทำการตรวจเลือกตามกำหนดหมายนั้น โดยนำใบสำคัญทหารกองเกินบัตรประจำตัวประชาชนและประกาศนียบัตรหรือหลักฐานการศึกษามาแสดงด้วยถ้าไม่มาหรือมา แต่ไม่เข้ารับการตรวจเลือกหรือว่าไม่อยู่จนกว่าการตรวจเลือกแล้วเสร็จ ให้ถือว่าทหารกองเกินนั้นหลีกเลี่ยงขัดขืนไม่มาให้คณะกรรมการตรวจเลือกทำการตรวจเลือกเว้นแต่
1. ข้าราชการซึ่งได้รับคำสั่งของผู้บังคับบัญชาโดยปัจจุบันทันด่วนให้ไปราชการสำคัญยิ่งหรือไปราชการต่างประเทศโดยคำสั่งของเจ้ากระทรวง
2. นักเรียนซึ่งออกไปศึกษาวิชาณต่างประเทศตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
3. ข้าราชการหรือผู้ปฏิบัติงานในสถานที่ราชการหรือโรงงานอื่นใด ในระหว่างที่มีการรับหรือการสงครามอันเป็นอุปกรณ์ในการรบหรือการสงครามและอยู่ในความควบคุมของกระทรวงกลาโหม
4. บุคคลซึ่งกำลังปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยทหารในราชการสนาม
5. เกิดจากเหตุสุดวิสัย
6. ไปเข้าตรวจเลือกที่อื่น
7. ป่วยไม่สามารถจะมาได้โดยให้บุคคลซึ่งบรรลุนิติภาวะและเชื่อถือได้มาแจ้งต่อคณะกรรมการตรวจเลือกในวันตรวจเลือก
ส่วนกรณีที่ไม่ได้รับหมายเรียก จำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 300 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
แต่กรณีของพระเนติวิทย์ มีการผ่อนผันการเกณฑ์ทหารมาแล้ว เพราะฉะนั้นการผ่อนผันก็จะมอบหมายเรียกในปีถัดไปให้ในวันที้เกณฑ์ทหาร เพราะในกฎหมายมันมีอยู่แล้ว เพราะหมายเรียกที่รับไป ก็มีรายละเอียด ระบุ วันเวลา สถานที่ตรวจเลือกให้มารายงานตัว ถ้าไม่มาก็มีคำเตือน รวมถึงโทษ ระบุไว้ชัดเจน
เมื่อถามว่า กรณีที่บวชเป็นพระ มีการเรียนเปรียญธรรมเก้าประโยค หรือเรียนนักธรรม แล้วสามารถนำมาเป็นข้อยกเว้น และต้องมีการแจ้งทางสัสดีก่อนล่วงหน้าที่จะมีการตรวจเลือกทหารใช่หรือไม่
แหล่งข่าว นรด. ระบุว่า ใช่ การบวชไม่สามารถนำมากล่าวอ้างไม่มาเกณฑ์ทหาร การเป็นนักธรรม มีสิทธิได้รับการยกเว้นตามกฎหมายก็จริง แต่กรณีที่ว่าได้เปรียญเท่าไร ยังไม่อยู่ในข่าย เพราะฉะนั้นถ้าหากเป็นเช่นนี้ชายไทยก็ต้องอ้างกันทุกคน บวชแล้วก็ไม่มา
ถ้าจะอ้างเป็นนักธรรม ไม่เช่นนั้นคนก็ไปบวชหาทางหลีกเลี่ยงกันหมด ซึ่งก็มีกำหนดอยู่ไม่ว่าจะเป็นศาสนาพุทธ หรือศาสนาอื่น อย่างโต๊ะอิหม่าม ก็จะมีการยกเว้น หรือนักบวชตามศาสนาคริสต์ ถ้าเป็นพระก็ต้องดูว่าอยู่ระดับไหนถึงได้รับการยกเว้น หากบวชเป็นพระทั่วไปคนก็จะไปบวชแล้วก็เอามาอ้างกัน เป็นช่องทางหลีกเลี่ยงได้