"ด.ต." ปืนโหดใช้ M16 บุกยิงพ่อตาใน จ.สุราษฎร์ธานี จนเสียชีวิต ขับเก๋งซึ่งมีศพลูกชายมาจอดทิ้งที่วัด ฝากญาติทำศพก่อนหลบหนี คาดเสียชีวิตขณะยิงปะทะ และล่าสุดยังพบศพเมียที่หนีไปด้วยกัน ถูกทิ้งในรีสอร์ต
วันที่ 10 เม.ย. 2566 ช่วง 22.00 น. วานนี้ (9 เม.ย.) เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งพบรถเก๋งฮอนด้า ซิตี้ สีบรอนซ์ จอดอยู่ในลานวัดไกรสรเขตราราม อ.บ้านตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งตรงกับข้อมูลรถของกลุ่มคนร้ายยิงถล่ม "ผู้ใหญ่รงค์" อดีตผู้ใหญ่บ้าน จนมีผู้เสียชีวิต 4 ศพ ในพื้นที่หมู่ 8 ต.กะเปา อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี
เมื่อเข้าตรวจสอบพบรถจอดอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ที่นั่งข้างคนขับพบศพ นายอรรถพล วิเชียร หรือบาส อายุประมาณ 25 ปี ลูกชายของดาบตำรวจอรรถพร วิเชียร คาดว่าลูฏชายเป็นหนึ่งในคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุ และเสียชีวิตจากการดวลปืน โดยศพอยู่ในลักษณะมีบาดแผลถูกยิงที่ขมับขวาทะลุขมับซ้าย เสียชีวิตอยู่เบาะหน้าข้างคนขับ มีการมัดตราสังมาเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับมีผ้าขาวม้าคลุมศพเอาไว้
เบื้องต้นพยานที่อยู่ภายในวัดให้ข้อมูลว่า ช่วงเวลาประมาณเกือบ 3 ทุ่ม พบ ด.ต.อรรถพร ขับรถเข้ามาจอดในวัด และเดินไปที่งานศพของนายวัฒน์ บอกกับญาติๆ ในงานว่า ฝากจัดงานศพให้หลานด้วย พร้อมทั้งบอกว่าหลานอยู่ในรถ ญาตจึงพากันออกไปดู ซึ่ง ด.ต.อรรถพร อาศัยช่วงคนแตกตื่นเดินหนีหายไป
ทีมข่าวได้พูดคุยกับญาติของดาบตำรวจอรรถพร เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเย็น ขณะฟังพระสวดอภิธรรมศพของนายวัฒน์อยู่ ได้มีชาวบ้านอีกกลุ่มหนึ่ง มาบอกว่า มีศพอยู่ในรถเก๋งจึงพากันออกไปดู กระทั่งพบว่าศพดังกล่าวเป็นศพของลูกชายดาบตำรวจอรรถพร ในฐานะที่เป็นญาติ พวกตัวเองก็อยากให้ดาบตำรวจอรรถพร และพวกที่หลบหนีอยู่ มามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนปมที่ดาบตำรวจอรรถพรไปก่อเหตุนั้น ไม่แน่ชัดว่าเกิดจากเรื่องอะไรกันแน่
สำหรับเหตุยิงถล่มดังกล่าว เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า มีผู้ก่อเหตุทั้งหมด 4 คน คือ ด.ต.อรรถพร, นายธรรมรัตน์ พี่ชาย (เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ), นายมานพ อายุ 54 ปี และนายอรรถพล วิเชียร ลูกชายของ ด.ต.อรรถพร (พบเสียชีวิตในรถเก๋ง จอดทิ้งภายในวัด )
ทีมข่าวช่อง 8 ได้ภาพจากกล้องวงจรปิดทั้ง 3 มุม บริเวณบ้านที่เกิดเหตุ ที่บันทึกเหตุการณ์ขณะที่ดาบตำรวจอรรถพร (ใส่หมวก) อายุ 46 ปี พร้อมด้วยนายวัฒน์พี่ชาย และนายมานพ ขับรถเก๋งมาจอดที่หน้าบ้านผู้ใหญ่รงค์ และเวลา 13.20 น. ทั้ง 3 คนลงจากรถพร้อมปืนเอ็ม 16 กระจายกำลังปิดล้อมบ้าน จากนั้นนายวัฒน์ พี่ชายของดาบตำรวจอรรถพร และนายมานพ ได้สาดกระสุนเข้าไปในบ้าน จนเกิดการยิงต่อสู้กับผู้ใหญ่รงค์ ที่ซ่อนตัวอยู่บนชั้น 2 โดยนายวัฒน์ กับนายมานพ ต่างวิ่งหาที่กำบัง ทั้งหลบหลังต้นมะพร้าว และตามผนังบ้าน ดวลปืนกันนาน 10 นาที ก่อนที่ดาบตำรวจอรรถพร และนายมานพ จะล่าถอยวิ่งกลับขึ้นรถหลบหนี ส่วนนายวัฒน์ พี่ชาย ถูกกระสุนปืนของผู้ใหญ่รงค์ ยิงเข้าลำตัว นอนเสียชีวิตอยู่ใกล้บันไดบ้าน ซึ่งในกล้องวงจรปิดไม่พบว่า นายบาส ปรากฏในกล้องวงจรปิด จึงเชื่อว่า อาจจะเป็นคนขับรถเก๋งพาทั้ง 3 คนมาก่อเหตุ และนั่งรออยู่ในรถ ก่อนถูกคมกระสุนจากการยิงต่อสู้กันจนเสียชีวิต
เมื่อวานนี้ ทีมข่าวได้ไปที่งานศพของผู้ใหญ่รงค์ พบนางภา ภรรยาคนแรกของผู้ใหญ่รงค์ แต่ไม่พร้อมให้ข้อมูลใดๆ เพราะยังทำใจไม่ได้ และได้พูดคุยกับหลานสาวของผู้ใหญ่รงค์ เปิดเผยว่า ตอนนี้นางภาเป็นห่วงนางสาวพนิดา ลูกสาวอย่างมาก หลังทราบว่าหนีไปกับลูกเขย ไม่สามารถติดต่อได้ อยากวอนผ่านสื่อขอให้ลูกเขยมามอบตัว ส่วนปมสังหาร เชื่อไม่ได้เกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างเมียใหม่-เมียเก่าอย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมาทั้ง 3 คนเข้าใจกันดี แต่รู้มาว่าผู้ใหญ่รงค์ไม่ค่อยสนับสนุนให้ลูกสาวคบหากับดาบตำรวจอรรถพร แต่ก็ไม่ถึงกับกีดกัน
ขณะที่เจ้าหน้าที่มีข้อมูลว่า ด.ต.อรรถพร และนายมานพ พากันหลบหนีไปในพื้นที่ จ.พังงา เขตรอยต่อจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยในรถมีลูกสาวของผู้ใหญ่ณรงค์เดินทางไปด้วย เตรียมเสนอศาลขอออกหมายจับ ด.ต.อรรถพร และนายมานพ
ด้านพลตำรวจตรี ศรัญญู ชำนาญราช ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ลงนามคำสั่ง ให้ดาบตำรวจอรรถพร ออกจากราชการไว้แล้ว ซึ่งขณะนี้ ชุดสืบสวนเร่งติดตามจับกุมตัวอย่างกระชั้นชิด เชื่อว่าจะติดตามตัวมาดำเนินคดีได้เร็วๆ นี้
และเมื่อช่วงเช้าที่ผ่าน มีคนไปพบ น.ส.พนิดา นิลนิยม เมียของดาบตำรวจอรรถพร ถูกยิงกลายเป็นศพ ส่งกลิ่นจากในห้องพักของรีสอร์ตแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ. สุราษฎร์ธานี หลังจากหลบหนีไปกับดาบตำรวจอรรถพร ผู้เป็นสามี เบื้องต้นยังไม่ชัดเจนว่า ใครเป็นผู้ก่อเหตุ และเสียชีวิตตั้งแต่วันไหน