"ส.ว.อุปกิต" ตั้งโต๊ะแถลงอีกรอบ ปูด 86 บริษัทชื่อดังในไทย รับเงินโอนตรงจากบัญชียาเสพติด โอด ชื่อเสียงย่อยยับ ไปไหนก็ถูกเรียก "ส.ว.ทรงเอ (เย่นต์)"
นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา แถลงข่าวเรียกร้องขอความเป็นธรรมจากสังคมอีกรอบ หลังมีชื่อเข้าไปพัวพันคดียาเสพติด โดยชี้แจงว่า เมื่อวันที่ 27 มีนาคม ตนได้ไปที่สำนักงานสืบสวนของอัยการสูงสุด เพื่อไปพบกับเจ้าหน้าที่สอบสวนและอัยการ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ความจริงใจ ให้ความร่วมมือ ไม่หนีไปไหน พร้อมทั้งให้ข้อมูลเอกสารที่เกี่ยวข้องกับตนเพิ่มเติม ไม่ได้มีหมายเรียกหรือหมายจับใดๆทั้งสิ้น และการที่ไปพบพนักงานสอบสวน เนื่องจากนายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล และนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้ไปกล่าวหาตนก่อนหน้านั้น ตนจึงจำเป็นที่ต้องเข้าไปแสดงตัว
จากนั้น วันที่ 3 เมษายน ไปยื่นหนังสือถึงอัยการสูงสุด ขอความเป็นธรรม เนื่องจากตนได้ค้นพบว่ามีกว่า 86 บริษัท ทั้งนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา ค้าขายอยู่ที่เมียนมา ได้รับโอนเงินจากบัญชีคนค้ายาเสพติด 16 บริษัท และตอนหลังเพิ่มอีก 6 บริษัท รวมเป็น 22 บริษัท โอนเข้าโดยตรง ต่างกับคดีของบริษัท อ. ที่โอนไปที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ จึงขอตั้งคำถามว่า ทำไมไม่ไปกล่าวโทษบริษัทเหล่านั้น ทำไมเลือกที่จะโจมตีตนคนเดียว ถือเป็นการกลั่นแกล้งหรือเลือกปฏิบัติหรือไม่ นอกจากนี้ ยังยื่นหนังสือเปิดผนึก ถึงนายรังสิมันต์ และนายอัจฉริยะ รวม 2 ฉบับ หากแน่จริงให้ทั้ง 2 ไปตรวจสอบบริษัทดังกล่าวด้วย
นายอุปกิต ยังเปิดเผยด้วยว่า ช่วงบ่ายวันนี้ จะไปยื่นร้องเรียน พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ สารวัตรสืบสวน สถานีตำรวจนครบาลพญาไท
ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่มิชอบ เพราะตั้งหน้าตั้งตาออกหมายจับตนโดยไม่รู้หน้าที่และกฎหมาย ใช้เพียงความคิดของตัวเองดำเนินการด้วยตัวเอง โดยไม่มีผู้ใหญ่ ผู้บังคับบัญชาและศาล คอยกลั่นกรองตน หากปล่อยไว้ในสังคมแบบนี้จะเป็นอันตรายมาก ทั้งยังมีความพยายามสร้างเรื่องให้ตนเป็นตัวร้ายของสังคม
นายอุปกิต ยังขอให้ติดตามของขวัญสุดเซอร์ไพรส์ ที่ตนจะมอบให้นายรังสิมันต์ และนายอัจฉริยะ หลังจากนี้ พร้อมท้าว่า หากนาย รังสิมันต์ โรม ไม่ได้ตรวจสอบตน เพราะต้องการสร้างกระแสเพื่อหาเสียงทางการเมือง ก็ไปช่วยตนไปตรวจสอบ 86 บริษัทเหล่านี้ด้วย ไม่ใช่ว่าจ้องเล่นงานตนคนเดียว
"สิ่งที่สร้างสรรค์ของนายรังสิมันต์ คือตั้งฉายาตนว่า ส.ว.ทรงเอ ตอนนี้ตนไปไหน ไปเดินตลาดคนก็ชี้ว่า คนนี้ คือ ส.ว.ทรงเอ (เย่นต์) สร้างความเสียหายให้ตนและวงศ์ตระกูล" นายอุปกิต ระบุ
ส่วนหลักฐานที่ทำให้ตนทราบ เรื่อง 86 บริษัท เพราะได้มาจากเอกสารที่อัยการใช้ฟ้องนายทุน มินลัต กับลูกเขยของตน บริษัทพวกนี้อยู่ในสำนวนคดีดังกล่าวด้วย แต่นายรังสิมันต์ โรม จ้องที่จะเล่นงานตนคนเดียว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนเดินทางกลับ นายอุปกิต กล่าวตัดพ้อกับผู้สื่อข่าวว่า เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะนายรังสิมันต์ พยายามอภิปราย และตั้งชื่อตนว่าส.ว.ทรงเอ ตอนนี้ไปที่ไหนก็ถูกเรียกว่าส.ว.ทรงเอ จนชื่อเสียงย่อยยับ ไปตลาดคนก็เรียกว่า ส.ว.ทรงเอ เมื่อตนไปเปิดดูก็พบว่า มาจากคำว่า เอเย่นต์ขายยา พร้อมถามกับผู้สื่อข่าวว่า "คิดว่าผมเหมือนหรือไม่"