"เพื่อไทย" เด็ก ๆ!! "สมชัย" ชี้นโยบายเติมเงิน 1 หมื่นใส่กระเป๋าดิจิทัล จ่ายครั้งเดียว 5.4 แสนล้าน มีปัญหาเยอะกว่าพรรคอื่น ๆ ที่ทยอยจ่ายใน 4 ปี ยอมรับน่าเป็นห่วง จะแจงแหล่งที่มาเงินก้อนนี้ได้หรือไม่?
วันที่ 13 เม.ย.66 จากกรณที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบาย พรรคเสรีรวมไทยและอดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นนโยบายประชานิยมของแต่ละพรรคการเมือง
ล่าสุดทางทีมข่าวออนไลน์ช่อง8 ได้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์เกี่ยวกับประเด็นนโยบายแจกเงินของแต่ละพรรคการเมือง ซึ่งจากที่นายสมชัยได้เปิดเผยข้อมูลนั้นมีด้วยกัน พรรค ประกอบด้วย พรรคพลังประชารัฐ พรรคเพื่อไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคเสรีรวมไทย พรรคก้าวไกล และพรรคไทยสร้างไทย
ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐออกนโยบายประชานิยมด้วยกันถึง 2 โครงการ นั่นคือ ลุงป้อม 700: เติมเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 700 บาทต่อเดือน 14 ล้านคน ตกปีละ 116,600 ล้านบาท 4 ปี 466,400 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขนี้ยังไม่รวมกับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุโดยแบ่งเป็นผู้สูงอายุ 60 ปี ได้ 3,000 บาท 70 ปี 4,000 บาท 80 ปี 5,000 บาท 4 ปี ซึ่งนายสมชัยคาดว่า มากกว่า 2 ล้านล้านบาท หรือนโยบายเดียวเท่ากับ 4 เท่าของนโยบาย 10,000 บาท ของพรรคเพื่อไทย
ซึ่งพรรคเพื่อไทย ออกนโยบายเติมเงิน 10,000 บาท ใส่กระเป๋าเงินดิจิทัลให้คนอายุ 16 ปีขึ้นไป 54 ล้านคน ให้ ครั้งเดียว 540,000 ล้านบาท
พรรครวมไทยสร้างชาติเติมเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 1,000 บาทต่อเดือน 14 ล้าน คน ตกปีละ 168,000 ล้านบาท 4 ปี 672,000 ล้านบาท
พรรคเสรีรวมไทย เงินบำนาญประชาชน 65 ปีขึ้นไป เดือนละ 3,000 บาทต่อเดือน 8.3 ล้านคน ตกปีละ 298,800 ล้านบาท 4 ปี 1,195,200 ล้านบาท
ในขณะที่พรรคก้าวไกล และพรรคไทยสร้างไทย ให้เงินบำนาญประชาชนอายุ 60 ปีขึ้นไป เดือนละ 3,000 บาท 12 ล้านคน ตกปีละ 432,000 ล้านบาท 4 ปี 1,728,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในโพสต์ดังกล่าวของนายสมชัย ยังระบุทิ้งท้ายอีกด้วยว่า "สรุปเพื่อไทย เด็ก ๆ ครับ" นายสมชัย กล่าวว่า คำว่า "เด็ก ๆ" เป็นการพูดในเชิงเปรียบเทียบ ถ้ามองตัวเลขที่ทุกพรรคใช้ แต่ความจริงแล้วทุกพรรคไม่ได้มีเพียงนโยบายนี้นโยบายเดียว แต่หากมองภาพรวม ยังไม่ฟันธงว่านโยบายของพรรคใดเด็ก พรรคใดผู้ใหญ่
อย่างไรก็ตามหากกล่าวถึงพรรคเพื่อไทย "เด็ก ๆ" ที่หมายถึงคือยังมีสิ่งที่น่าเป็นห่วง เนื่องจากตนเองมองว่า ความเป็นไปได้ที่จะใช้จ่ายเงินก้อนใหญ่ในปีงบประมาณเดียว กับทยอยใช้เป็นเงินก้อนเล็ก ๆ กระจายในหลาย ๆ ปีงบประมาณ อาจจะทำเกิดปัญหาข้อติดขัดได้มากกว่า ในเรื่องของแหล่งที่มาของเงินดังกล่าวจากแหล่งใดและตนเองยังไม่ทราบว่าทางพรรคเพื่อไทยจะสามารถหาแหล่งที่มาของเงิน 5 แสนกว่าล้านจากที่ใด เพราะฉะนั้น เด็ก ๆ ก็เป็นโจทย์ใหญ่พอสมควรอยู่เหมือนกัน
ในขณะเดียวกัน ในส่วนของพรรคอื่น ๆ ถึงแม้ว่าตัวเลขรวมแล้วจะเป็นล้านล้าน แต่เมื่อทยอยใช้ จะเป็นปัญหาในส่วนของภาระงบประมาณ หรือแหล่งที่มาของงบประมาณน้อยกว่า