เดือดปมขัดแย้งที่ดิน "ยาย" ถูกหลาน ๆ รุมกระทืบ ผวาไม่กล้านอนบ้านตัวเอง

19 เม.ย.66 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนางดาวเรือง แม่นศร อายุ 52 ปี ชาวจ.อุทัยธานี ซึ่งได้เดินทางเข้าติดตามคดีกับกับ พ.ต.ท.สันติ ทองเชื้อ รอง ผกก.สอบสวน สภ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ซึ่งเหตุเกิดเมื่อช่วงเช้า ของวันที่ 14 เม.ย.66 ได้เข้าแจ้งความไว้กับ พ.ต.ท.กิตติ สุขวงษ์คำ พนักงานสอบสวน ว่าตนเองได้ถูกหลานๆ จับลากออกมาจากในบ้าน แล้วมาหลังบ้าน แล้วมาถูหลานๆ รุมตบ กระทืบที่ท้อง และที่อื่น ๆ อีกหลายจุด หลังจากนั้นเข้าแจ้งความไว้กับ พ.ต.ท.กิตติ สุขวงษ์คำ พนักงานสอบสวน สภ.ลานสัก เจ้าหน้าที่ได้ส่งไปตัวไปยังโรงพยาบาลลานสัก เพื่อตรวจสอบบาดแผล



สาเหตุที่มีเรื่องในครั้งนี้ ย้อนหลังเมื่อตนเองอายุ 17 ปี แม่คือนางสำราญได้อยู่กับตนเอง และเป็นเจ้าบ้านทะเบียนบ้านเลขที่ 19 หลังจากนั้นได้มีน้องสาวตนเองนางสาวการดา พร้อมสามี ได้มาขอปลูกบ้านไม้และขอเลขที่บ้าน 140 หน้าบ้านของแม่ ในทีดิน 1งาน ซึ่งเป็นที่ดินของ สปก.ซึ่งพีสาวอีกคนของตนเองยังเป็นเจ้าของและยังไม่ได้แบ่งกัน หลังจากนั้นนางการดา แม่นศร ซึ่งเป็นน้องสาวสุดท้องตนเอง ได้เสียชีวิตไปแล้ว 10 กว่าปี

 

หลังจากนั้นบ้านไม้หลังดังกล่าวทางญาติ ๆ ได้มีการลือถอนบ้านเลขที่ 140 หลังดังกล่าวออกไป จนเป็นที่ดินว่างมา 1 ปี หลังจากนั้นนางสำราญ ซึ่งเป็นแม่ของตนเองได้มาปลูกเป็นบ้านปูนไว้ ให้ตนเองกับหลานชื่อยุพารัตน์ อยู่และไม่มีการขอบ้านเลขที่ใหม่ โดยแม่นางสำราญ ได้ใช้บ้านเลขที่ 19 ซึ่งแม่เป็นเจ้าบ้านอยู่อีกหลังและอยู่ในที่ดิน 1 งานจนแม่เสียชีวิตไปได้ 2 ปี ลูกสาวตนเองนั้นก็เข้าไปอยู่บ้านหลังนั้น

 

จนช่วงหลังประมาณ 3 เดือนที่ผ่านมา ได้มี น.ส.ศริดา หรือทราย นายอนัตต์ธวัช หรือแหลม สามีเข้ามาอยู่บ้านหลังดังกล่าว โดยอ้างว่าเป็นบ้านเป็นของตนเอง ซึ่งบ้านหลังเดิมทีเป็นไม้ รุ่นสมัยแม่ ของน.ส.ศริดา ที่สร้างไว้ได้มีการรื้อถอนออกไปนานแล้ว หลังจากนั้นเองตนเองเห็นว่าเป็นหลาน มีปัญหามาจากที่อื่น มาอาศัยอยู่ก็ไม่ว่าอะไร และ พอมาทราบช่วงหลัง ๆ ได้มีการทำทะเบียนบ้านใหม่ขึ้นมาใหม่ โดยใช้บ้าน เลขที่ 140 หลังไม้เก่ามาครอบไว้ และมีการโย้กย้ายคนเข้าอยู่ในทะเบียนบ้านเลข 140 และมีทุบบ้านเพื่อต่อเติม โดยที่ไม่มีการบอกล่าวตนเองเลย ตนจึงแจ้งผู้ใหญ่บ้านเข้ามาตรวสอบจนมีเรื่องดังกล่าว


จนเมื่อช่วงเช้าของ วันที่ 14 เม.ย. 66 นายอนัตต์ธวัช พร้อม น.ส.ศริดา ได้มีการทุบห้องพักซึ่งเป็นปูน เพื่อขยายห้องให้ใหญ่ขึ้น ตนเองเห็นการกระทำนั้นไม่ถูกต้อง จึงติดต่อกลับนายชัยรินทร์ อิศรากูร ณ อยุธยา ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้าน ให้เข้ามาดู พอผู้ใหญ่บ้านเข้ามา ตนเองก็เดินไปดูบ้านพร้อมผู้ใหญ่บ้าน ในระหว่างนั้นนายแหลมกำลังทุบห้องอยู่ เดินออกมาดู พร้อมพรรคพวก 4-5 คน โดยได้ถือค้อน ติดมือออกมาด้วย ตนเองเห็นไม่ปลอดภัย เห็นขวานว่างที่ม้านั่งปูนหน้าบ้าน จึงยิบมาถือไว้ ตนเองได้ถูกหลานรุมด่าจากพรรคพวก และภรรยา

 

หลังจากนั้นได้โดนรุมกระทืบ หน้าท้อง รุมแตะ ตนเองจำได้ 4 คน กระทั่งผู้ใหญ่บ้านได้เข้ามาห้าม และได้แจ้งความกับร้อยเวร สภ.ลานสัก เพื่อดำเนินคดีทั่งหมด 4 คนที่เข้ามาลุมทำร้ายตนเอง

 

จนช่วงหลังประมาณ 3 เดือน ที่ผ่านมาได้มีนายอนัตต์ธวัช โดยอ้างว่าเป็นบ้านของตนเอง ซึ่งบ้านหลังเดิมทีเป็นไม้ รุ่นสมัยแม่ พอมาทราบช่วงหลัง ๆ ได้มีการทำทะเบียนบ้านใหม่ขึ้นมาใหม่ โดยใช้บ้าน เลขที่ 140 หลังไม้เก่า มาครอบไว้ และมีการโย้กย้ายคนเข้าอยู่ในทะเบียนบ้านเลข 140 หลังดังกล่าว และมีทุบบ้านเพื่อต่อเติม โดยทีไม่มีการบอกล่าวตนเองเลย ตนจึงแจ้งผู้ใหญ่บ้านเข้ามาตรวสอบจนมีเรื่องดังกล่าว

 

พ.ต.ท.กิตติ สุขวงษ์คำ พนักงานสอบสวน ได้เข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ บ้านหลังดังกล่าว จากตรวจสอบพบว่า บ้านหลังเกิดเหตุ กับของนางดาวเรือง อยู่ห่างกันเพียง 2 เมตร หลังจากนั้นนางดาวเรือง ได้บ้านที่เกิด ซึ่งเป็นของแม่ตนเองสร้างไว้ หลังจากนั้นเจ้าหน้าทีได้พบกับนายอนัตต์ธวัช หรือแหลม หลานเขย พร้อม น.ส.ศริดา หรือทราย หลานของนางดาวเรือง และได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เจ้าหน้าที่และผู้สื่อข่าว ฟัง ร้อมกับมอบคลิปในกล้องวงจรปิดที่ติดไว้ทั้งนอกบ้าน 2 ตัว ในบ้าน 1 ตัว ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้สื่อข่าวไปตรวสอบเหตุที่เกิดขึ้น