พ่อแม่จีจี้รับศพลูกด้วยความโศกเศร้า ขณะที่ศพของอิคคิว ญาติได้มอบให้เจ้าของร้านโลงศพมารับและนำไปส่งที่วัดแห่งหนึ่งใน จ.พระนครศรีอยุธยา ส่วนผลชันสูตรเผยจีจี้ถูกยิงจนเสียชีวิตโดยไม่ทันตั้งตัว
ช่วงสายของวันที่ 20 เม.ย. 2566 น.ส.ชุติกาญน์ นายชินโชติ พ่อและแม่ของ น.ส.สุพิชชา หรือ จีจี้ อายุ 19 ปี และนายกีรติ ซึ่งเป็นพ่อบุญธรรม เดินทางมายื่นเอกสารที่โรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อรับร่างของลูกสาวไปประกอบพิธีทางศาสนา ภายหลังจากถูก นตท.ภูมิพัฒน์ หรืออิคคิว แฟนหนุ่มยิงเสียชีวิต และคนก่อเหตุยิงตัวเองเสียชีวิตตามที่คอนโดหรูย่านอโศก โดยแม่และญาตินำเอาชุดตัวโปรดที่คิดว่าน้องจีจี้น่าจะชอบมากที่สุดเป็นชุด
ของน้องจีจี้และเครื่องสำอางมาแต่งให้กับน้องเป็นวาระสุดท้ายก่อนที่จะนำศพไปประกอบพิธีทางศาสนาในจังหวัดนครปฐม โดยระหว่างรอรับศพ แม่ยืนมองรูปของลูกสาวตัวเองพร้อมกับหลั่งน้ำตาออกมาตลอดเวลาเพราะเสียใจและยังทำใจไม่ได้กับการจากไปเร็วขนาดนี้
แม่ของน้องจีจี้ เปิดเผยกับทีมข่าวก่อนการรับศพว่า ตลอดช่วงเวลาที่คบกัน ตนทราบเรื่องมาตลอดว่า อิคคิว ทำร้ายร่างกายลูกสาว ซึ่งทางครอบครัวของฝ่ายชายก็ทราบดีและทั้งสองครอบครัวไม่อยากให้มาคบกัน โดยก่อนหน้านี้ทั้งสองคนเคยเลิกรากันไปแล้ว แต่ก็กลับมาคบกันใหม่ โดยช่วงที่กลับมาคบกันใหม่ลูกสาวไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรมาก เพราะไม่อยากให้แม่เป็นห่วง ซึ่งตนก็ถามว่า “กลับมาคบกันใหม่แล้วเป็นอย่างไรบ้าง” ทางจีจี้ก็บอกว่า “กลับมาคบกันแล้วดี ไม่มีอะไร” ที่ผ่านมา ตนได้เตือนลูกตลอดเพราะลูกสาวถูกทำร้ายร่างกายอ และฝ่ายชายก็เป็นคนชอบเล่นปืนและมีอาวุธปืนติดตัว เป็นคนอารมณ์ร้อน จึงรู้สึกสังหรณ์ใจเพราะว่าไม่สามารถติดต่อลูกสาวได้ และคุยกับแม่ของฝ่ายชายตลอด ซึ่งก็ทราบว่าไม่สามารถติดต่อฝ่ายชายได้เหมือนกัน และแม่ของฝ่ายชายก็บอกว่าอิคคิวมาหาจีจี้ ตนจึงติดต่อเพื่อนให้มาเปิดห้องให้ ก่อนจะเจอเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนใจ
ขณะที่พ่อบุญธรรมของน้องจีจี้ เปิดเผยความรู้สึกว่า ครอบครัวของฝ่ายชายเลี้ยงลูกชายมาแบบผิดๆ ในมุมมองของตนพ่อควรเตือนลูกว่าไม่ให้พกปืน เนื่องจากอายุยังไม่ถึง และตนสงสัยว่า อายุยังไม่ถึง ทำไมถึงสามารถเข้าไปที่สนามยิงปืนได้ โดยทราบมาว่า ฝ่ายชายถูกเลี้ยงมาโดยที่คิดตลอดว่า พ่อของตัวเองมีอำนาจ จึงเป็นคนเอาแต่ใจและอารมณ์รุนแรง เราไม่ได้โกรธเกลียดอะไรทางครอบครัวของฝ่ายชาย ตอนที่ทราบว่าทั้งสองคนเลิกกัน เราก็ดีใจเพราะลูกได้หลุดพ้นแล้ว แต่เมื่อมาถึงวันนี้ทั้งสองก็ได้เสียชีวิตไปแล้ว ก็อยากให้ครอบครัวของฝ่ายชายจริงใจกับครอบครัวเรา อยากให้ข่าวจบด้วยดีจีจี้ไม่มีอะไรเสียหาย และฝ่ายชายก็ไม่มีอะไรเสียหายไปมากกว่านี้ อย่างไรก็ตามในมุมของกฎหมาย ตำรวจบอกว่า ถ้าหากเจ้าของปืนมีส่วนรู้เห็นว่า อิคคิวเอาปืนมาใช้ ก็จะต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วยนั้น ตนเห็นด้วยอย่างยิ่ง เบื้องต้น จากที่สอบถามตำรวจทราบมาว่าปืนเป็นของพ่อฝ่ายชาย
ทีมข่าวของเราได้พูดคุยกับพ่อแท้ๆ ของน้องจีจี้ ซึ่งวันนี้ได้เอาสมุดไดอารี่ของลูกสาวที่ได้มอบให้กับตัวเขาไว้แทนความคิดถึงให้กับทีมข่าวดู โดยสมุดเล่มนี้พ่อของน้องจีจี้บอกว่าลูกสาวได้ทำขึ้นเพื่อแจกให้กับคนที่ติดตาม ก่อนที่จะเซ็นให้พ่อเก็บไว้ดู โดยพ่อบอกว่าตัวเองภูมิใจกับลูกคนนี้มาก เพราะเป็นลูกสาวคนโตจากครอบครัวที่มีลูกทั้งหมดสี่คน โดยจีจี้ไม่เคยทำเรื่องให้ลำบากใจเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ที่ผ่านมา ตัวเองไม่เคยรู้เลยว่าลูกสาวคบกับผู้ชายคนนี้เพราะลูกก็ไม่เคยบอกเล่าให้ฟังมาก่อน และไม่เคยรู้ว่าเขาทำร้ายลูกตัวเองแบบนี้ เพราะถ้ารู้ตัวเองก็ไม่ให้คบหาอย่างแน่นอน เพิ่งมารู้ว่าลูกโดนทำร้ายก็ตอนที่เห็นข่าวลูกเมื่อเช้า ว่าทั้งถูกทุบตีจนเนื้อตัวเขียวช้ำ พอรู้ตัวเองรู้สึกเสียใจมากที่ลูกต้องมาเจอแบบนี้ เพราะตั้งแต่ที่ตัวเองเลี้ยงมาไม่เคยตีลูกแบบนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
พ่อของน้องจีจี้ยังเอาแชตข้อความที่คุยกับลูกสาว ครั้งสุดท้ายคือวันที่ 17 เมษายน ให้กับทีมข่าวดู ซึ่งลูกสาวส่งข้อความมาหาว่าอยากจะขอยืมเงินจ่ายค่าคอนโดก่อน แล้วจะโอนคืนให้ พร้อมกับบอกว่าอยากให้ตัวเองนั้นมานอนเป็นเพื่อน เพราะลูกสาวน่าจะรู้ว่าอาจจะเกิดอันตราย ซึ่งที่ลูกสาวย้ายมาอยู่คอนโดนี้ก็เพราะต้องการจะหนีผู้ชายคนนี้ แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้นจนมาถูกยิงเสียชีวิต
ช่วงเย็น ญาตินำร่างอันไร้วิญญาณของน้องจีจี้มาตั้งบำเพ็ญกุศลที่ศาลาชั่วคราว ภายในวัดพระปฐมเจดีย์ จ.นครปฐม โดยมีญาติของน้องจีจี้ต่างพากันมาร่วมงานกันเต็มศาลา โดยพิธีรดน้ำศพนั้นเริ่มต้นขึ้นในเวลา 17:00 น.
ขณะที่ศพของนักเรียนเตรียมทหารนั้น ไม่มีญาติมารับศพออกแม้แต่คนเดียว โดยครอบครัวได้มอบหมายให้เจ้าของร้านโลงศพเป็นคนติดต่อกับทางห้องนิติเวชในการขอรับศพไปประกอบพิธีทางศาสนาแทน โดยใช้โรงศพสีทอง เข็นออกจากห้องสุดท้ายขึ้นรถตู้ขับออกไป โดยปลายทางนั้นเป็นวัดแห่งหนึ่งในตัวเมืองพระนครศรีอยุธยาโดยที่คนขับรถบอกว่าเดี๋ยวครอบครัวของฝ่ายชายจะบอกอีกครั้งว่าเป็นวัดไหน
โดยหนังสือรับรองการตายของ นตท.ภูมิพัฒน์ หรืออิคคิว เสียชีวิตเมื่อวันที่ 19 เมษายน เวลา 13.30 น. โรคที่เป็นสาเหตุการตายคือ 1. Cerebral laceration การฉีกขาดของสมอง และ 2. Gun shot wound at neck บาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนที่คอ โรคหรือภาวะที่เจ้าหน้าที่ทะเบียนราษฎร์คัดลงในสาเหตุการตายในใบมรณบัตร คือ "บาดแผลกระสุนปืนลูกโดดบริเวณลำคอ"
ส่วนผลการชันสูตรพลิกศพของ น.ส.สุพิชชา หรือ จีจี้ พบว่าถูกยิงที่ศีรษะบริเวณขมับขวา ทะลุขมับซ้าย มือมีอาการเกร็ง เกิดจากถูกยิงจนเสียชีวิตโดยไม่ทันตั้งตัว ขณะที่ระยะเวลาของการเสียชีวิตนั้น แพทย์ลงความเห็นว่า เวลาการเสียชีวิตอยู่ที่ระหว่าง 8-24 ชั่วโมง