ทำไมทำกันแบบนี้! แม่รับไม่ได้ ลูกชายวัย 13 ปี ถูกรุ่นพี่กลั่นแกล้งจับแก้ผ้า ทำร้าย บังคับให้รับใช้เยี่ยงทาส ล่าสุด โรงเรียนลงโทษรุ่นพี่แล้ว
นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง ได้พาน้องเอ (นามสมมติ) อายุ 13 ปี พร้อมกับแม่ของเด็กที่ ถูกรุ่นพี่อายุ 17-18 ปี จำนวน 4 คน รุมทำร้ายร่างกาย และแก้ผ้าบีบดึงอวัยวะเพศ ก่อนถ่ายคลิปแบล็กเมล์ เพื่อให้ยอมเป็นเบ๊ในกลุ่ม หากไม่ทำตามจะนำคลิปไปเผยแพร่ นอกจากนี้ยังแกล้งผู้เสียหายจับขังห้องน้ำที่หอพัก จนทำให้ตอนนี้ผู้เสียหาย เป็นโรคซึมเศร้าจนไม่กล้าไปเรียน จึงพาเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.องครักษ์ เพื่อติดตามความคืบหน้าคดี หลังจากที่ผู้ปกครอง ของเด็กผู้เสียหายได้แจ้งความดำเนินคดีไว้ก่อนหน้านี้
ทีมข่าวช่อง 8 ได้สอบถามแม่น้องเอ (ผู้เสียหาย) เปิดเผยว่า เพิ่งทราบเรื่องเมื่อวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา หลังลูกชายมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป จากร่าเริงกลายเป็นซึมเศร้าเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง กระทั่งตนได้อาศัยจังหวะที่ลูกชายออกไปเตะบอล ได้หยิบโทรศัพท์มือถือของลูกชายมาตรวจสอบจึงพบคลิปอนาจาร และข้อความที่ลูกชายถูกรุ่นพี่ทำร้ายบังคับ และข่มขู่ จึงสอบถามลูกชาย และทราบว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา จึงได้นำเรื่องราวที่เกิดขึ้น ไปแจ้งกับผู้อำนวยการโรงเรียน แต่ได้รับคำตอบว่าไม่สามารถดูแล ได้ทั่วถึงที่มีจำนวนถึง 200 กว่าคน พร้อมกับระบุว่าเป็นเรื่องของเด็กที่ทะเลาะกันเอง หลังจากนั้นตนจึงพาลูกชายเข้าแจ้งความทันที พร้อมกับส่งเรื่องราว ร้องทุกข์ไปที่ “กัน จอมพลัง” ให้เข้ามาช่วยเหลือ เพราะสงสารลูกที่ ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ หลังจากนี้ ตนยืนยันว่า จะไม่ให้ลูกชายเรียนต่อที่นี่อีก เนื่องจากสภาพจิตใจลูกชายตนค่อนข้างย่ำแย่เป็นอย่างมาก
"ตนเองเคยพูดคุยกับผู้ปกครองกลุ่มรุ่นพี่ ทำร้ายลูกตนเองแล้ว ได้รับการปฏิเสธความรับผิดชอบ อ้างว่าเป็นเรื่องของเด็กแกล้งกันเฉยๆ และลูกชายตัวเองไม่ยอมออกมาพูดเองแต่แรก ขณะเดียวกันผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าวยังปฏิเสธและไม่ให้ความเป็นธรรมและยังบอกว่าหากลูกชายทนอยู่ไม่ได้ให้ลาออกไป โดยไม่รับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น พร้อมยังบอกอีกว่าด้วยเด็กในโรงเรียนมีมากถึง 200 คน ไม่มีบุคลากรดูแลได้ทั่วถึง" แม่ของเด็กชายผู้เสียหาย กล่าว
ขณะที่ กันจอมพลัง ระบุว่า สิ่งเหล่านี้ไม่ควรเกิดขึ้นในโรงเรียน เพราะผู้ปกครองไว้วางใจที่จะฝากลูกให้โรงเรียนดูแล แต่โรงเรียน ที่รับผิดชอบโดยผู้อำนวยการยังออกมาปฏิเสธและพูดแบบนี้ตัวเองมองว่าลักษณะการกระทำแบบนี้ไม่ควรอย่างยิ่ง
ทั้งนี้ จากสิ่งที่ตัวเองได้รับรู้และได้พูดคุยกับเด็กชายอายุ 13 ปียังคงมีสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ขณะที่การพูดคุยน้องจะมีอาการมือไม้และตัวสั่นตลอดเวลา
ขณะเดียวกันตัวเองยังมองว่าสุขลักษณะของห้องพัก และห้องน้ำที่พักก็ไม่มีความสะอาด ปราศจากสุขลักษณะ หากโรงเรียนตาม ที่ผู้อำนวยการออกมาพูดไม่ควรมีลักษณะแย่แบบนี้
ทีมข่าวช่อง 8 ได้สอบถาม ด.ช.เอ นามสมมุติ อายุ 13 ปี ผู้ที่ถูกทำร้าย เล่าว่า ตนเองเป็นนักเรียนชั้นมัธยมปีที่2 ของโรงเรียนกีฬาแห่งหนึ่งในจังหวัดนครนายก ซึ่งตนเองต้องการสอบเข้ามาที่นี่ เพื่อจะต้องการที่จะเป็นนักกีฬาฮอกกี้และนักฟุตบอล แต่ถูกรุ่นพี่ 4 คน ที่อยู่ในชั้นมัธยมตอนปลาย ทำร้ายร่างกายจริง โดยเป็นการทำร้ายร่างกาย ในลักษณะชกต่อยบริเวณแขนทั้งสองข้าง และลำตัว ก่อนจะมีการถ่ายคลิปอนาจารเพื่อแบล็กเมล์ข่มขู่ให้ผู้เสียหายทำตามคำสั่งรับใช้รุ่นพี่ทั้ง ซักผ้า ล้างจาน และใช้ให้ทำอย่างอื่นอีกหลายอย่าง ถ้าหากไม่ทำตามจะมีการเผยแพร่คลิปดังกล่าวลงโซเชียลทันที พร้อมกับข่มขู่อีกว่าหากนำเรื่องไปบอกครูจะ โดนทำร้ายร่างกาย ทำให้ตนเองไม่กล้าที่จะไปบอกเรื่องนี้เกิดขึ้นกับครู แม้กระทั่งแม่ตนเองก็ยังไม่ได้บอก ซึ่งตนเองโดนทำร้ายมาตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนของปีที่แล้ว จนกระทั่งแม่มาทราบเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา ตนเองยอมรับว่าอยากจะย้ายไปเรียนที่อื่น ไม่อยากกลับไปเรียนที่เดิมแล้ว เพราะหากกลับไปเรียนที่เดิมตนเองต้องมีสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ จึงอยากไปขอเริ่มต้นกับที่ใหม่เพื่อสร้างอนาคตที่ตนเองอยากเป็นนักกีฬาตามที่คาดหวัง และตามความฝันของตัวเอง
ขณะเดียวกันทีมข่าวช่อง 8 ได้ภาพนิ่งของกลุ่มรุ่นพี่ มาถ่ายภาพร่วมกันกับน้องเอ นามสมมุติ ที่ถ่ายภาพช่วงเดือนพฤศจิกายน 2565 โดยน้องเอเป็นคนถ่ายให้ พร้อมเล่าว่ารายละเอียดว่าใครทำอะไรบ้าง
นอกจากนี้ทีมข่าวได้รับภาพนิ่งแช็ตสนทนาเฟซบุ๊กระหว่างน้องมีนหนึ่งในผู้ก่อเหตุ ที่มีการ แช็ตมาขอโทษผู้เสียหายหลังเกิดเหตุ จากนั้นแม่ของผู้เสียหายได้มีการตอบแช็ตกลับประมาณว่า จะยืนยันดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ทีมข่าวช่อง8 ลงพื้นที่ที่โรงเรียนที่เกิดเหตุ ที่จ.นครนายก พบว่า ภายในมีอาคารทั้งหมด 4ตึก แยกเป็นหอพักชายหญิง และจุดเกิดเหตุอยู่บริเวณหอพักชาย และเนื่องจากเป็นช่วงปิดเทอมจึงไม่มีใครพักอยู่ และไม่พบผู้บริหารอยู่ภายในโรงเรียน มีเพียงเจ้าหน้าที่ที่ต้องมาทำงานในช่วงปิดเทอมบางส่วนเท่านั้น
จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ระบุว่า ผู้บริหารโรงเรียนติดประชุมที่จังหวัดระยอง จากนั้นทีมข่าวจึงได้ติดต่อไปยัง ผู้ประสานงานโครงการจัดตั้งโรงเรียนทางโทรศัพท์ โดยเปิดเผยว่า ตนเองได้รับเท็จจริงจากผู้ปกครองเมื่อวันที่ที่ 5 เม.ย. โดยผู้ปกครองเห็นพฤติกรรมลูกไม่ปกติ เลยไปขอดูโทรศัพท์ของลูก เมื่อทราบว่าลูกถูกกระทำ ก็ได้โทรมาที่ครูผู้ฝึกสอน เลยนัดมาพูดคุย แต่ด้วยติดช่วงสงกรานต์ จึงได้เข้ามาพูดคุยกัน เมื่อวันที่ 17 เม.ย. โดยได้เชิญผู้ปกครองของเด็กทั้ง3คนที่เป็นคนก่อเหตุมาพูดคุย เนื่องจากอีก1คนเป็นแค่ผู้อยู่ในเหตุการณ์ โดยได้พูดคุยว่าเด็กทั้ง3คนทำผิดอะไรบ้างที่เป็นการกระทำความผิด ซึ่งผู้ปกครองได้ยอมรับผิด จากนั้นทางโรงเรียนได้พิจารณาตามระเบียบของสถานศึกษาแล้วว่า การกระทำของเด็กทั้งไม่ อยู่ในเกณฑ์ที่ไม่สามารถให้เรียนต่อได้ จึงต้องให้พ้นสภาพการเป็นนักเรียน แต่ด้วยความที่ยังเป็นเด็กและเยาวชน ทางโรงเรียนจึงได้ให้เขียนใบลาออกด้วยตนเอง
และในวันดังกล่าว ทางโรงเรียนยังได้พูดคุยกับเด็กผู้เสียหายด้วยเช่นกันว่า จะเรียนต่อที่นี่หรือไปเรียนที่ไหน ซึ่งผู้ปกครองของเด็กผู้เสียหายไม่ประสงค์ให้เรียนต่อที่นี่ และทางโรงเรียนก็จะประสานเพื่อหาโรงเรียนที่มีชนิดกีฬาฮอกกี้ และอยู่ในสังกัดให้ที่จังหวัดสมุทรปราการ แต่ก็ขึ้นอยู่กับผู้ปกครองว่าจะเลือกเรียนหรือไม่
ส่วนความคืบหน้าการช่วยเหลือน้องเอ กัน จอมพลัง และครอบครัว ได้ประสานไปยัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะกำกับดูแลโรงเรียนที่เกี่ยวข้องแล้ว เบื้องต้นได้ที่เรียนใหม่เรียบร้อยแล้ว