ดูกันชัดๆ ไล่กล้องวงจรปิด ไขปมดราม่าพ่อชาวอินเดีย อ้างถูกลูกชายอุ้มไปซ้อมในรถ เป็นเรื่องราวฉาวต้องขึ้นโรงพัก เพื่อจบปัญหา
จากกรณีเมื่อเวลา 23.00 น.วันที่ 20 เมษายน 2566 พ.ต.ท.รักพงษ์ แสนอินทรอำนาจ สว.สอบสวน สภ.เมืองพัทยา รับแจ้งเหตุนักท่องเที่ยวอินเดียถูกทำร้ายร่างกาย ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดที่ริมถนนพัทยากลาง ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
ที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา ให้การช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้น ให้ นายซานเจย์ อายุ 53 ปี สัญชาติอินเดีย เป็นเจ้าของธุรกิจร้านอาหาร ได้รับบาดเจ็บตามร่างกาย อยู่ในอาการหวาดผวาร้องไห้ไม่หยุด เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้นำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน
สอบถาม น.ส.อโรชา อายุ 38 ปี แฟนของเพื่อนคนเจ็บ เล่าว่า นายซานเจย์ผู้บาดเจ็บโทรศัพท์มาขอความช่วยเหลือจากแฟน ซึ่งเป็นชาวอินเดีย ว่าถูกกลุ่มลูกชาย มีผู้หญิงไทย และผู้ชาย ไม่มั่นใจว่าเป็นคนไทยหรือชาวอินเดีย พาขึ้นรถยนต์เก๋ง จากหน้าร้านอาหารปากซอย 7 ถนนสายสอง แล้วพาขับรถไปทางนาเกลือ ขณะที่อยู่ในรถถูกทำร้ายร่างกายตลอดเวลา ก่อนผู้บาดเจ็บกระโดดลงจากรถ แล้วโทรหาเพื่อนให้มาช่วยดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งกล้องวงจรปิด ซึ่งรู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้ว จึงได้เรียกตัวมาสอบสวนยัง สภ.เมืองพัทยา ก่อนดำเนินคดีด้วยความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายต่อไป
ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปยัง สภ.เมืองพัทยา เนื่องจากมีรายงานว่า ทั้งพ่อและลูก ก็คือ นายซานเจย์ อายุ 53 ปี(พ่อ)และนาย ทูชา อายุ 25 ปี(ลูก) จะเดินทางไปให้ปากคำกับตำรวจ ซึ่งบรรยากาศที่โรงพักค่อนข้างตึงเครียด เพราะพ่อกับลูกให้การกับตำรวจไม่ตรงกัน
นาย ซานเจย์ ให้การว่า เมื่อคืนนี้ประมาณ 3 ทุ่ม มีเพื่อนของลูกชาย เดินเข้ามาหาที่ร้าน พอมาถึงก็แจ้งกับตนเองว่า ให้เดินไปขึ้นรถ เนื่องจาก นายทูชาลูกชายให้มาตาม ซึ่งตอนนั้น ไม่ได้คิดอะไร ก็เลยเดินไปขึ้นรถลูกชาย ในรถมีลูกชายเป็นคนขับ ส่วนลูกสะใภ้นั่งอยู่ที่เบาะหลังกับเพื่อนของลูกชาย
จากนั้นพอนั่งรถออกไป ปรากฏว่า ตนเองถูกเพื่อนของลูกชายล็อกคอ ส่วนลูกสะใภ้ก็ต่อยท้อง ยอมรับว่าเจ็บมาก พยายามจะหนีลงจากรถ แต่ถูกลูกชายดึงแขนเอาไว้ตลอดเวลา บอกให้จอดรถเขาไม่ยอมจอด กระทั่งไปถึงที่เกิดเหตุ รถมันติดตรงแยกไฟแดง ตนเองจึงตัดสินใจสะบัดมือลูกชาย แล้วก็กระโดดลงมาจากรถ
หลังจากนั้นก็เดินย้อนกลับมาทางเดิม ก่อนโทรศัพท์ของความช่วยเหลือจากเพื่อนที่เป็นคนแจ้งความกับตำรวจเมื่อคืนนี้ ถ้าไม่เชื่อผม ก็ไปเปิดกล้องดูได้เลยว่าผมเจ็บหนัก ผมไม่ได้สำออย พอเพื่อนผมมาช่วย ลูกชายยังย้อนรถกลับมา และต่อว่าเสียหาย ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่คิดเลยว่าลูกแท้ๆจะทำกับพ่อได้ถึงขนาดนี้
"ลูกชายกับลูกสะใภ้ใส่ร้ายผม ว่าผมไปยุ่งกับเด็กในร้าน จนเมียผมจับได้ ผมไม่เคยทำ ส่งยาแวร์อาก้า ในกระเป๋า ที่เมียผมจับได้ ไม่ใช่ของผม ทุกคนใส่ร้าย" นายซานเจย์ กล่าว
ทีมข่าวช่อง8 ได้หลักฐานสำคัญจากกล้องวงจรปิด ที่บันทึกภาพในห้วงเวลาที่เกิดเหตุไว้ได้ ไล่เรียงเหตุการณ์ดังนี้
ภาพแรก จะเห็นว่า ในเวลา 21.22 น. รถของนายทูชา ขับผ่านหน้ากล้องแล้ว ก็ไปติดไฟแดง
จากนั้นไม่กี่นาที นายซานเจย์ ลงจากรถ
และเดินย้อนกลับมา ซึ่งตามในภาพ นายซานเจย์ ไม่ได้มีอาการเหมือนคนที่บาดเจ็บ เดินผ่านหน้ากล้องมาตามปกติ
จากนั้นเมื่อนายซานเจย์ เดินมาถึงตรงหน้ากล้องอีกฝั่งของถนน นายซานเจย์ ก็ยังยืนเหมือนคนปกติ ยืนรอเพื่อนที่โทรศัพท์ให้มารับ
ซึ่งพอเพื่อนมาถึง นายซานเจย์ ก็ยืนคุยแล้วก็ค่อยๆนั่งลง ในตอนนี้บอกเพื่อนว่าถูกลูกทำร้ายมา จนเพื่อนต้องโทรศัพท์ไปแจ้งตำรวจแล้ว ก็ค่อยๆประคองตัวนายซานเจย์ ไปนั่งรอตำรวจกับกู้ภัย
ต่อมาประมาณ 5 นาที นายทูชา ลูกชายของนายซานเจย์ ก็ขับรถย้อนกลับมาในที่เกิดเหตุ
ก่อนจะจอดรถเดินลงมาคุยกับนายซานเจย์และเพื่อนของพ่อ ในภาพดูเหมือนมีการพูดคุยกันบางอย่าง จนลูกชายต้องเดินกลับไปขึ้นรถ
ต่อมา มีตำรวจสายตรวจขี่รถเข้ามาจอด จะเห็นว่านายซานเจย์ เริ่มล้มตัวลงนอน แล้วก็นอนดิ้นไปดิ้นมา ก่อนกู้ภัยจะนำตัวส่งโรงพยาบาล
ซึ่งวันนี้หลังจากทีมข่าวไปเห็นภาพในวงจรปิด ก็ได้มีการให้ทั้งพ่อกับลูกมาเจอหน้าเพื่อเคลียร์กัน แต่ทั้งสองคนยังยืนยันว่าไม่มีใครผิด วันนี้ทางตำรวจก็ต้องสอบปากคำต่อเนื่องจากพ่อจะเอาเรื่องลูกชายให้ถึงที่สุด
ทีมข่าวสอบถามนายทูชา อายุ 25 ปี ลูกชายของนายซานเจย์ บอกว่า แม่ที่อยู่ประเทศส่งรูปยาไวอากร้ามาให้ดู และสงสัยว่าพ่ออาจจะยุ่งกับผู้หญิงคนอื่น ประกอบกับมีเด็กในร้านอาหารมาบอกว่าพ่อมีสัมพันธ์กับเด็กในร้าน จึงชวนเพื่อนและภรรยามาที่ร้าน เพื่อสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้น ยืนยันไม่ได้ทำร้ายพ่อ เพียงแต่ดึงแขนไว้ หลังจากที่พ่อจะลงจากรถ เนื่องจากตอนนั้นวิดีโอคอลเคลียร์ใจกับผู้เป็นแม่อยู่ แต่ยังเคลียร์ไม่จบนายซานเจย์ก็ลงจากรถไปก่อน จึงวนรถกลับมาดู ยืนยันไม่ได้บังคับขึ้นรถ และไม่มีการอุ้มแต่อย่างใด
ขณะที่ภรรยาของนายทูชา บอกสอดคล้องกับนายทูชา ที่ไม่มีใครบังคับนายซานเจย์ซึ่งเป็นพ่อสามี ซึ่งพฤติกรรมของพ่อสามี ไม่ได้มีแค่เรื่องที่ไปมีอะไรกับเด็กในร้าน แต่ยังมีพฤติกรรมเที่ยวผู้หญิงจนไม่มีเงินจ่ายให้ลูกน้อง ที่ไปรับเมื่อวาน ก็เพื่อจะเคลียร์เรื่องทุกอย่างให้มันจบ ไม่คิดว่าจะใส่ร้ายจนตำรวจต้องเรียกมาสอบปากคำในวันนี้
อย่างไรก็ตาม วันนี้เด็กในร้านอาหาร มารอลงบันทึกประจำวัน เรื่องที่นายซานเจย์ไม่จ่ายค่าแรง บอกกับทีมข่าวว่า ทุกเรื่องที่ลูกชายและลูกสะใภ้ของนายซานเจย์พูดเป็นความจริง ยืนยันในขณะที่ นายทูชา ไปรับพ่อของเขาที่ร้าน ไม่มีเหตุการณ์อุ้มขึ้นรถแต่อย่างใด