แฉกลโกง "เสี่ยกำมะลอ" สุดแสบลวงลักสินสอดสาวเตรียมแต่งงานก่อน 1 วัน พบก่อเหตุอื้อ หมายจับเพียบ
วันที่ 22 เม.ย. 66 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส. บช.น. พ.ต.อ.ไกรวิทย์ อุณหก้องไตรภพ รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ธัญญพัทธ์ บุญสุข ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น. พ.ต.ท ณัฐวุฒิ สีเสมอ , พ.ต.ท.นิติกรณ์ ระวัง รองผกก.สส.2 บก.สส.บช.น. ได้สั่งการให้ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.กิติพัฒน์ ใจอารีรอบ พ.ต.ต.สมพร คำเกตุ สว.กก.สส.2 บก.สส.บช.น . พร้อมกำลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.2 บก.สส.บช.น.จับกุม นายปิยะศักดิ์ เรืองฤทธิ์ อายุ 45 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีลักทรัพย์ โดยจับกุมได้ในห้องพัก โรงแรมแห่งหนึ่ง ซอยสุขสวัสดิ์ 39 ถนนสุขสวัสดิ์ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 21 เม.ย. 2566 เวลาประมาณ 22.00 น. ที่ผ่านมา
สืบเนื่องจาก สืบนครบาลได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือจากคู่สามีภรรยาผู้เสียหายว่าถูกเสี่ยแป๋ม ต้อม หรือหนึ่ง และอีกหลายชื่อ ลักทรัพย์สินเงินทองเป็นค่าสินสอดไว้ โดยคนร้ายมาตีสนิทกับพี่สาวของผู้เสียหาย มีการหลอกลวงให้เชื่อว่าเป็นเจ้าของอพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่ง มีฐานะดี และ หวังอยู่กินแบบสามี-ภรรยา กับพี่สาวผู้เสียหาย โดยก่อนวันแต่งงานเหตุ 1 วัน ได้ลักทรัพย์สินที่เตรียมไว้เป็นสินสอด ซึ่งเก็บอยู่ในห้องดังกล่าว เป็นทองคำหนัก 14 บาท พร้อมพระเลี่ยมทอง 2 องค์ และ มีเงินสดอีกจำนวนหนึ่ง สร้างความเดือดร้อนให้คู่บ่าวสาว และเป็นที่ต้องการตัวมากเพราะสร้างความเดือดร้อนไปทั่ว
จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหารายนี้มีหมายจับรวม 3 หมายจับ ซึ่งเป็นคดีลักทรัพย์ และยักยอก
ทีมข่าวช่อง 8 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจาก คุณรัฐพงษ์ อายุ33ปี ซึ่งเป็นน้องชายของผู้เสียหาย เล่าว่า นายปิยะศักดิ์ เรืองฤทธิ์ อายุ 45 ปี ผู้ก่อเหตุได้เข้ามา สนิทสนมกับพี่สาวของตน จนถึงขั้นจะเข้ามาอยู่กับพี่สาวของตนจึงทำให้ตนไว้ใจผู้ก่อเหตุและมองเป็นเหมือนพี่เขย จนถึงวันที่18 ตุลาคม 2563เป็นวันที่ตนจะแต่งงานก็ได้เช่ารถตู้จำนวน2คันให้ตนไปแต่งงานที่จังหวัดบึงกาฬ เป็นจำนวนเงิน20,000บาท จึงทำให้ตนไว้ใจมากยิ่งขึ้น หลังจากจัดงานแต่งงานเสร็จก็ได้นำเงินและทองที่นำไปเป็นสินสอดในการแต่งงานกลับมาด้วย เพื่อนำมาเป็นทุนในการสร้างครอบครัวโดยนำกลับมาไว้ที่ห้องพัก และในวันที่12 พฤศจิกายน 2563 ระหว่างที่ตนได้ขายอาหารอยู่ที่ร้านผู้ก่อเหตุได้ทำทีขอยืมรถมอเตอร์ไซค์ของตนไปเข้าห้องน้ำที่หอพัก ซึ่งในรถมอเตอร์ไซค์มีคีย์การ์ดเปิดประตูอยู่ จึงได้นำไปเปิดหอพักและลอบขึ้นไปที่ห้องพักทำการงัดกุญแจเข้าไปเพื่อลักทรัพย์ หลังจากนั้นผู้ก่อเหตุก็กลับมาที่ร้านอาหารของตนและนั่งดื่มเบียร์ตามปกติก่อนที่จะหลบหนี ตนจึงเอะใจและได้ให้น้องชายขึ้นไปดูห้องพักจึงพบว่าถูกงัดห้อง และถูกลักทรัพย์ เงินสดจำนวนกว่า50,000 บาท ซึ่งตนเตรียมไว้ที่จะทำคลอดลูกซึ่งขณะนั้นภรรยาท้องได้7เดือน และทองรูปพรรณอีกจำนวน16บาท รวมมูลค่าแล้วกว่า600,000บาท
ขณะที่ คุณซาร่า(นามสมมติ) เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า นายปิยะศักดิ์ หรือหนุ่ม ผู้ก่อเหตุ ได้เข้ามาตีสนิทกับตนจนตนนั้นไว้วางใจ และในช่วงที่ตนเองซื้อบ้านได้ทำการปรับปรุงบ้าน และได้มีปัญหากับผู้รับเหมาจึงทำให้บ้านไม่เสร็จในบางส่วน จึงเล่าให้นายหนุ่ม(ผู้ก่อเหตุ)ฟัง นายหนุ่มจึงอาสาที่จะทำต่อให้ในส่วนที่เหลือจึงได้ขอมาที่บ้านและเริ่มงานและชวนตนออกไปซื้อของที่จะมาทำบ้านในส่วนที่เหลือ และระหว่างที่ต่อเติมบ้านนายหนุ่มอยู่ก็ออกอุบายว่าหิว ให้ตนออกไปซื้อข้าวให้กินหน่อย และระหว่างที่ตนออกไปซื้อข้าวให้ นายหนุ่มก็ลักลอบเข้าไปในห้องนอนและทำการลักทรัพย์สิน เป็นแหวนเพชรที่สามีของตนเคยทำให้ และทองรูปพรรณที่เป็นมรดกจากแม่ของตนอายุราวๆกว่า30ปีรวมมูลค่ากว่า260,000บาท หลังนายหนุ่มก่อเหตุเสร็จ ก็ได้กินข้าวที่ตนซื้อมาให้และให้ไปส่งขึ้นรถและได้หลบหนีไป แต่ทางคุณซาร่ากล่าวกับทีมข่าวว่าเรื่องมูลค่าไม่ได้สนใจ แต่ของทุกอย่างที่นายหนุ่มเอาไปมันมีคุณค่าทางจิตใจมากกว่าจึงเสียดายมาก
นอกจากนี้ คุณจอนท์(นามสมมติ) เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า นายปิยะศักดิ์ ผู้ก่อเหตุ ได้รู้จักกับตนมานาน และหลังจากที่นายหนุ่ม(ผู้ก่อเหตุ)ได้รับอภัยโทษออกจากคุกรอบแรก ก็โดนศาลจังหวัดนนทบุรีอายัดตัวต่อในข้อหาฉ้อโกงและลักทรัพย์ และหลังจากนั้นได้ทำการประกันตัว และโดนใส่กำไลEMที่ข้อเท้าเพื่อคุมประพฤติ นายหนุ่มจึงมาขอความช่วยเหลือจากตนเป็นเงินประกันจำนวน90,000 บาท เพื่อปลดกำไลEM และตนก็ได้ให้ความช่วยเหลือพานายหนุ่มและแฟนสาวไปอยู่ที่บ้านด้วย หลังจากนั้นนายหนุ่มก็ได้เล่าให้ตนฟังว่า ตัวนายหนุ่มมีเงินในบัญชีเป็นหลักล้านซึ่งได้มาจากแม่หม้ายที่มาหลงในเชิงชู้สาวกับนายหนุ่ม แต่ทำการเบิกไม่ได้ซึ่งต้องเดินทางไปเบิกที่จังหวัดต่างๆทางภาคใต้ ซึ่งตนก็ได้พาไปและออกค่าใช้จ่ายให้นานหนุ่มทั้งหมด เพราะนายหนุ่มอ้างว่าถ้าเบิกได้จะนำเงินมาชดใช้ให้ทั้งหมด และจะมาสู้คดีต่างๆที่นายหนุ่มโดนกล่าวหาไว้และอ้างกับตนว่าที่โดนคดีต่างๆนั้นโดนกลุ่มคนดังกล่าวกลั่นแกล้งทั้งหมด หลังจากที่อยู่มานายหนุ่มก็ก่อเหตุลักทรัพย์ในบ้านตนขึ้นอีกโดยได้นำพระเครื่องทองรูปพรรณและเงินสดจำนวนหนึ่งรวมมูลค่ากว่า4-5แสนบาทและได้หลบหนีไป โดยทิ้งแฟนสาวไว้ที่บ้านตนจึงได้เข้าแจ้งความ และตนจึงคิดว่ายังไงนายหนุ่มต้องติดต่อแฟนสาวกลับมาจึงได้ทำการให้แฟนสาวของนายหนุ่มล่อนายหนุ่มไปพบที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ย่านสุขสวัสดิ์และได้แจ้งตำรวจให้เข้าทำการจับกุมเมื่อคืนวันที่21 เมษายน 2566
และในวันนี้จึงได้รวมตัวผู้เสียหายที่โดนนายหนุ่มหลอกไว้มาขอคัดค้านการประกันตัวที่ศาลอาญารัชดา เพราะไม่อยากให้นายหนุ่มออกมาก่อเหตุได้อีก