บุกพิสูจน์เรื่องสยอง! ลัทธิประหลาดบูชายัญหมกศพ 5 นักศึกษาใต้พื้นหอประชุมมหาวิทยาลัยดัง ในจ.นครราชสีมา งานนี้เสียงแตก ทั้งเชื่อ และ ไม่เชื่อ
จากกรณีมีการแชร์คลิปหมอบีพูดถึงเหตุการณ์นักศึกษาหายตัวไปและมีการสงสัยว่าภารโรงเป็นผู้ก่อเหตุแต่สุดท้ายก็ไปพบโครงกระดูกในหอประชุมและคาดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับลัทธิประหลาด โดยเหตุเกิดที่มหาวิทยาลัยขนาดใหญ่แห่งหนึ่งใน จ.นครราชสีมา นอกจากนี้หมอบีได้เผยอีกว่า ย้อนหลังกลับไป 10 กว่าปี ได้มีนักศึกษาปี4-5คน เข้าร่วมชมรมสุดประหลาดเกี่ยวกับลัทธิความเชื่อเรื่องของวิญญาณและความตาย หลังจากนั้นได้หายตัวไปอย่างปริศนาทั้ง5คน ทางครอบครัวไม่สามารถติดต่อได้จนมาพบโครงกระดูก
ล่าสุดผู้สื่อข่าว ลงพื้นที่ไปยังมหาวิทยาลัยดังกล่าวพูดคุยกับนางสาวคณิตา ศิษย์เก่า เปิดเผยว่า เป็นศึกษาที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้ หลังจากที่เรียนมาได้5ปี จบมาก็ทำงานต่อในมหาวิทยาลัยอีก7ปี จากกรณีที่หมอบีได้ออกมาพูดถึงเหตุการณ์ดังกล่าว ยืนยันว่าไม่เคยได้ยินเรื่องราวมาก่อน นอกจากว่าจะเกิดขึ้นนานแล้วและยังไม่ได้เรียนที่นี่ทำให้ไม่ทราบข้อมูลชัดเจน ที่ผ่านมาที่อยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยก็ไม่เคยได้ยินนักศึกษารือกันว่ามีนักศึกษาหายตัวไปปริศนาหรือเสียชีวิตในหอประชุม เหตุการณ์นี้ตนมีความเชื่อ50-50 อาจจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดหรือจริงก็เป็นไปได้หรืออาจจะเปิดแค่ตำนานเรื่องเล่าก็เป็นไปได้
นางประยูร หรือป้าลาว แม่ค้าข้าวแกงหน้ามหาวิทยาลัย เผยว่า ขายข้าวแกงมาแล้ว20ปี เมื่อนานมาแล้วเคยได้ยินเรื่องราวที่มีนักศึกษาหายตัวไปแล้วพบว่าเสียชีวิต ได้ยินเขาเล่ามาจริงว่าเกิดขึ้นในมหาวิทยาลัย แต่ไม่ขอยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ไม่ได้เห็นกับตา เพราะได้ยินนักศึกษาเล่าต่อๆกันมา คิดว่าอาจจะไม่เป็นเรื่องจริง
ทั้งนี้ ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางไปที่มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ในจ.นครราชสีมา โดยไปดูจุดหอประชุมเก่า ตามข้อมูลหมอบีที่เล่า สอบถามนายใหม่ อายุ 35 ปี คนงานในมหาวิทยาลัย บอกว่า ตนไม่เคยทราบเหตุการณ์ที่หมอบีเล่า จึงไม่รู้เป็นเหตุการณ์จริงหรือไม่ แต่ยืนยันได้เพียงว่าในมหาวิทยาลัยมีการรื้ออาคารเก่าแล้วสร้างตึกใหม่จริง แต่ไม่ใช่หอประชุม เป็นเพียงอาคารซ่อมบำรุงเครื่องบินของนักศึกษาชมรมการบิน ส่วนสาเหตุที่รื้อแล้วสร้างใหม่ ตนไม่ทราบข้อมูลส่วนนี้
ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับนายเต๋อ (นามสมมติ) อายุ 20 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 2 บอกว่า ส่วนตัวไม่ทราบว่าเหตุการณ์นักศึกษาฆ่าตัวตายบูชายัญซาตานในมหาวิทยาลัยเป็นเหตุการณ์จริงหรือไม่ หากเกิดขึ้นจริงคาดว่าน่าจะเกิดขึ้นช่วง 16 ปีก่อนหรือนานกว่านั้น เพราะสมัยก่อนมหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นป่าทึบและยังไม่มีการสร้างตึกอาคารเยอะเท่าปัจจุบัน อาจสะดวกต่อการทำกิจกรรมลับตาคน
ขณะที่ประเด็นหอประชุมในมหาวิทยาลัยถูกรื้อถอน แล้วสร้างใหม่ ยืนยันเป็นเรื่องจริงแต่ไม่ใช่หอประชุมที่รื้อถอน เป็นเพียงอาคารหลังหนึ่งเท่านั้น ยืนยันช่วงที่ตนศึกษาอยู่ไม่มีชมรมลัทธิบูชาซาตาน มีเพียงชมรมอื่นๆที่เหมือนมหาวิทยาลัยทั่วไป ส่วนเหตุการณ์ที่หมอบีเล่าตนมองว่ามีพลอตเรื่องคล้ายกับภาพยนตร์ต่างประเทศเรื่องหนึ่ง
ขณะที่นายบอย อายุ 53 ปี บอกว่า ตั้งแต่ตนมาทำงานที่นี่มา 3 ปี ยังไม่เคยได้ยินเรื่องดังกล่าว ซึ่งตนสนิทกับอาจารย์อาวุโสและเจ้าหน้าที่ในมหาวิทยาลัยที่ทำงานมามากกว่า 20 ปี แต่ก็ไม่มีใครเล่าเหตุการณ์นี้ให้ตนฟัง
"ส่วนประเด็นที่หมอบีเล่าช่วงหนึ่งในคลิป ว่าตอนเกิดเหตุมีภารโรงในมหาวิทยาลัยขัดขวางการตามหานักศึกษาที่หายตัวไปของอาจารย์ใหม่ ตนยืนยันว่าทางมหาวิทยาลัยไม่เคยจ้างภารโรง มีเพียงจ้างแม่บ้านและรปภ.มาดูแลมหาวิทยาลัยเท่านั้น"
ซึ่งระหว่างตนทำงานที่นี่ ยังไม่มีการรื้อถอนอาคาร ใดในมหาวิทยาลัย มีเพียงการปลูกสร้างอาคารใหม่เท่านั้น แล้วข้อมูลที่บอกว่าที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้มีชมรมลัทธิบูชาซาตานไม่เป็นความจริง มีเพียงชมรมทั่วๆไปเหมือนมหาวิทยาลัยอื่น ยืนยันว่าเหตุการณ์ที่แชร์ในโซเชียลเป็นเพียงข่าวลือ วอนให้เสพข้อมูลอย่างมีวิจารณญาณ
ทีมข่าวได้สอบถามเรื่องเล่าเหตุการณ์กับ "หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ" ซึ่งหมอบีบอกว่ายังไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ เนื่องจากตนมาร่วมงานบุญของหลวงพ่ออลงกต ที่วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี
ต่อมาทีมข่าวเดินทางไปที่วัดน้อยคาทอลิกมารดาที่น่ารักห่างจากมหาวิทยาลัยประมาณ 7 กิโลเมตรเป็นบทคริสต์ในชุมชน ได้สอบถามหลวงพ่อประยูร นามวงศ์ ผู้เป็นบาทหลวงบอกว่าลัทธิซาตานเป็นความเชื่อของกลุ่มคนบางส่วนที่นับถือและบูชาซาตานพบทั้งไทยและต่างประเทศที่ผ่านมาเคยมีคนที่นับถือศาสนาคริสต์แล้วเปลี่ยนไปนับถือลัทธิซาตาน
แต่ในส่วนของศาสนาคริสต์นับถือและบูชาพระเจ้าและพระเยซูคริสต์เชื่อว่าหลังความตายจะไปสู่อ้อมอกของพระเจ้าแต่ในส่วนของคนที่นับถือลัทธิซาตานแล้วมีบางกลุ่มที่ฆ่าตัวตายเพื่อบูชาซาตานส่วนตัวมองว่าเป็นการกระทำที่ถูกล่อลวงให้ทำสิ่งไม่ดีและเป็นบาป
ขณะเดียวกันทีมข่าวเดินทางไปที่วัดหนองปรู ในกราบนมัสการพระครูวาปี จริยาพร เจ้าอาวาส ให้ข้อมูลว่าที่วัดแห่งนี้เคยรับศพคนที่ฆ่าตัวตายแต่มีจำนวนน้อยและเป็นเรื่องส่วนตัวไม่เคยมีสุขคิดฆ่าตัวตายจากการบูชายัญซาตานส่วนเหตุการณ์ที่มีนักศึกษาฆ่าตัวตายบูชายัญในละแวกใกล้วัดยืนยันว่าไม่ทราบข้อมูลส่วนนี้
ส่วนตัวมองว่าวัยรุ่นที่หันไปนับถือลัทธิซาตานอาจถูกชักชวนจากเพื่อนหรือคนใกล้ชิดเพราะสมัยนี้เทคโนโลยีมาเร็วคุณอาจหาที่พึ่งที่เป็นอะไรแปลกๆมากขึ้นจึงอยากเตือนสติหากจะนับถืออะไรให้พิจารณาสิ่งใดควรสิ่งไหนไม่ควรและควรปฏิบัติให้ถูกต้องไม่ใช่นับถือแล้วเขาบอกให้ฆ่าตัวตายเพื่อบูชายัญก็ทำตาม
ขณะเดียวกันทีมข่าวได้สอบถามผู้ใหญ่บ้านหนองปรู หมู่4 บอกว่าเหตุการณ์นักศึกษาฆ่าตัวตายบูชายัญซาตานเกิดขึ้นเมื่อ 20 ปีก่อนช่วงกำลังก่อสร้างมหาวิทยาลัยดังใหม่ๆสมัยนั้นมีพื้นที่ป่าเยอะส่วนรายละเอียดไม่ทราบมากนัก
ศูนย์อาหารในพื้นที่เคยได้ยินต่อๆกันมาว่าเป็นพื้นที่ป่าช้าเก่า แต่ในส่วนเรื่องลี้ลับตนไม่ทราบ