ตำรวจตามรวบ แอม อดีตเมียรองผกก. ผู้ต้องหา วางไซยาไนด์ ฆ่าน้องก้อย ด้านเจ้าตัวเปิดใจก่อนถูกจับอยากได้ความเป็นธรรมให้ไปที่ศาล
จากกรณี นางทองพิน เกียรติชนะสิริ อายุ 63 ปี น.ส.นิภาวรรณ ขันวงษ์ อายุ 35 ปี มารดาและพี่สาว ของน.ส.ศิริพร ขันวงษ์ หรือ น้องก้อย อายุ 32 ปี เท้าแชร์ ชาวจ.กาญจนบุรี ที่เป็นลมวูบเสียชีวิตเป็นปริศนาขณะเดินทางไปทำบุญปล่อยปลากับเพื่อนสนิทที่ริมท่าน้ำแม่น้ำแม่กลอง พื้นที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เข้าร้องทุกข์ตำรวจกองปราบ ช่วยตรวจสอบความผิดปกติเกี่ยวกับสาเหตุการเสียชีวิต พร้อมเชื่อว่าน่าจะเป็นการฆาตกรรม โดยมีนางสรารัตน์ รังสิวุฒาพรณ์ หรือ แอม ภรรยาของตำรวจระดับรองผกก.ในพื้นที่ จ.ราชบุรี เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายดังกล่าว ตามที่เคยมีการนำเสนอไปแล้ว
ล่าสุด ตำรวจกองบังคับการปราบปราม นำกำลังจับกุม แอม ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ในข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” พร้อมของกลาง ขวดไซยาไนด์ ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่เชื่อได้ว่า น.ส.สรารัตน์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ น.ส.ศิริพร จริง โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัว นางสรารัตน์ ได้ที่ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ กทม.
จากแนวทางสืบสวนเจ้าหน้าเชื่อว่า นางสรารัตน์ น่าจะเป็นผู้นำไซยาไนด์ (Cyanide) ซึ่งเป็นสารเคมีอันตราย ผสมใส่อาหารให้ผู้ตายรับประทาน เพื่อหวังลักทรัพย์สินมีค่าต่างๆของผู้ตาย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างนำตัวมาสอบปากคำที่สโมสรตำรวจ
โดยก่อนหน้านี้ ทีมข่าวช่อง 8 ได้โทรศัพท์ไปพูดคุยกับทนายความของนางสาวแอม ให้ข้อมูลว่า ข่าวที่ออกมาค่อนข้างแรงหลังจากที่ตนเองได้สอบข้อเท็จจริงกับลูกความแล้ว ก็ได้ห้ามไม่ให้ลูกความให้ข้อมูลและให้เงียบไปก่อนเพื่อดูท่าที และให้ฟ้องต่อศาลเพื่อขอความเป็นธรรม
ส่วนกรณีที่ว่านางสาวแอมได้ลงไปช่วยก้อยหรือไม่หลังจากก้อยเป็นลมนั้น ทนายความยืนยันว่า ได้ลงไปช่วยโดยนางสาวแอม ตั้งครรภ์อยู่แต่ไม่ทราบว่ากี่เดือนแต่ทราบเพศแล้วว่าเป็นเพศหญิง ทำให้เดินไม่ค่อยสะดวก ภาพกล้องวงจรปิดจะเห็นว่า เดินๆหยุดๆ แต่ก็ได้ลงไปด้านล่างด้วยและไปตามคนมาช่วยด้วย และที่กล่าวหาว่า แอม โยนของทิ้งนั้นไม่จริง เพราะที่ถือไปในมือคือดอกไม้และถุงปลา ส่วนเรื่องทรัพย์สินของก้อยที่หายไป ขอให้เป็นรายละเอียดในสำนวนที่ แอมให้การกับตำรวจไว้แล้ว แต่ยืนยันได้ว่า แอม ไม่ได้ทำจริง และหลังจากนี้จะหาพยานมาต่อสู้คดีเพื่อหักล้างกับพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการ
นักข่าว ถามอีกว่า มีหลายเคสที่เริ่มปรากฎออกมาว่า แอม มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้อง ทนายความระบุว่า ก็ได้ถามลูกความด้วยเช่นกันแต่แอมไม่ได้ตอบอะไรมาก เพราะทนายความทำคดีที่เกี่ยวกับ ก้อย แต่ก็ต้องดูสำนวนของพนักงานสอบสวนอีกครั้ง ทั้งนี้ก็เป็นสิทธิของจำเลยที่จะให้การอย่างไรก็ได้
หลังจากเกิดกระแสข่าว ยอมรับว่าแอมเครียด ความดันขึ้น ส่วนกรณีที่ว่าตอนแรกแอมให้ข้อมูลว่าไม่รู้ไม่เห็นแต่ตอนหลังยอมรับว่าอยู่กับก้อยนั้น ทนายความบอกว่า เท่าที่ทราบที่แอมไม่อยากพูดเพราะมีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมด้วยจึงไม่อยากให้เกิดความเสื่อมเสีย และจะเป็นการหมิ่นประมาทผู้เสียชีวิตด้วยจึงไม่ได้พูด
ทนายความยังชี้แจงอีกว่า แอม ได้หย่ากับสามี ที่เป็นรองผู้กำกับ ประมาณปี 2564 ก็ประมาณ 2 ปีแล้ว ซึ่งมีเอกสารทะเบียนหย่าชัดเจน แต่ที่ยังเข้าไปที่บ้านพักก็เพราะมีลูกที่ต้องดูแลด้วยกัน หลังจากหย่ากับสามีที่เป็นตำรวจ ก็ได้ไปคบหากับ แด้ หรือ นายสุทธิศักดิ์ พูนขวัญ ซึ่งเป็นชาวอุดรธานี แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน และต่อมานายสุทธิศักดิ์ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 12 มี.ค. 2566
จากนั้น แอมได้โทรศัพท์มาหาทนายความพอดีระหว่างที่ทีมข่าวกำลังพูดคุย ทีมข่าวจึงได้ให้ทนายความถามแอมว่า มีอะไรอยากจะบอกกับสื่อมวลชนหรือไม่ แอม บอกกับสื่อมวลชน สั้นๆว่า ขอยืนยันคำเดิมตามที่ทนายความบอกว่า ถ้าอยากได้ความเป็นธรรมเราต้องไปที่ศาลไม่ได้ไปหาสื่อ ตนเองโดนโจมตีเยอะมากตนเองเลยขอไปที่ศาลก็แล้วกัน จากนั้นทนายความถามว่า แล้วไปมาหรือยัง แอมตอบว่าไปมาเรียบร้อยแล้ว และไปที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนด้วย แต่เมื่อถามว่า ความรู้สึกตอนนี้เป็นอย่างไร แอมก็วางสายไปแล้ว