ตำรวจและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจค้นบ้านแอม ที่กาญจนบุรี พบขวดแก้วบรรจุน้ำยาสีดำถูกเผาหลังบ้าน ขณะที่ รองผู้กำกับฯ สามีแอม ร่วมสังเกตการณ์ หากแอมทำผิดอยากให้รับสารภาพ

วันที่ 26 มีนาคม 2566 ตำรวจชุดสืบสวนภูธรภาค 7 ชุดสืบสวนตำรวจภูธรบ้านโป่ง จ.ราชบุรี ชุดสืบสวนภูธรจังหวัดกาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตำรวจภูธรภาค 7 นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านพักของนางสาวแอมในพื้นที่บ้านลุ่มดงกระเบา ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี โดยค้นทั้งภายในบริเวณบ้านและพื้นที่รอบตัวบ้านซึ่งด้านหลังเป็นป่าละเมาะ มีอดีตสามีของนางสาวแอมซึ่งเป็นตำรวจเข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย

หลังจากการตรวจค้นประมาณ 1 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ตรวจพบขวดยาต้องสงสัย เป็นขวดแก้วขนาดเล็ก ด้านในบรรจุน้ำยาสีดำอยู่ประมาณครึ่งขวด ถูกเผาอยู่ในกองขยะภายในป่าละเมาะด้านหลังบ้าน จึงได้เก็บขวดพร้อมน้ำยาด้านในส่งตรวจสอบเพื่อระบุให้แน่ชัดว่าเป็นสารพิษหรือไม่ นอกจากนี้ยังตรวจพบวัตถุพยานต้องสงสัยที่จะต้องส่งตรวจอย่างละเอียดอีกหลายอย่าง

ด้านพันตำรวจเอกปิยะพงษ์ วงค์เกตุใจ ผู้กำกับการ สภ.บ้านโป่ง กล่าวว่า การตรวจค้นในครั้งนี้ เพื่อเป็นการหาวัตถุพยานและวัตถุต้องสงสัยในบ้านที่นางสาวแอมเคยพักอาศัยจำนวน 2 จุด คือที่บ้านพักแห่งนี้ซึ่งนางสาวแอมเคยพักอาศัยอยู่กับอดีตสามีที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และอีก 1 จุดที่บ้านพักในพื้นที่จังหวัดนครปฐม เพื่อตรวจหาวัตถุพยาน รวมถึงวัตถุที่คาดว่าจะเป็นสารพิษเพื่อส่งตรวจสอบ โดยนอกจากการตรวจสอบในบริเวณบ้านพักแล้ว ยังจะได้เข้าตรวจค้นในรถของนางสาวแอม และรถของผู้เสียชีวิตที่อาจจะมีสารพิษตกค้างอยู่

ขณะที่ พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ อดีตรองผู้กำกับการสอบสวน สภ.บ้านโป่ง ซึ่งเป็นอดีตสามีของนางสาวแอม ที่มาร่วมสังเกตการตรวจค้นในครั้งนี้ กล่าวว่า ตนเองยังรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งการที่ตำรวจได้ออกหมายจับนางสาวแอม ก็น่าจะมาจากการที่มีพยานหลักฐานแน่นหนา พอที่จะอนุมัติหมายจับได้ ซึ่งตนก็เชื่อในการทำงานของตำรวจว่าทำคดีอย่างตรงไปตรงมา ไม่ได้มีการกลั่นแกล้ง โดยพร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการเข้าตรวจค้นหรือสอบปากคำเพิ่มเติมตลอดเวลา โดยในส่วนของอดีตภรรยาตนเองนั้น หากกระทำผิดจริงก็อยากให้รับสารภาพ และยอมรับผิดในสิ่งที่ได้กระทำลงไป

ส่วนนายเอ (นามสมมติ) น้องชายของ น.ส.ก้อย หนึ่งในผู้เสียชีวิต ที่นำรถของก้อยมาให้ตรวจ บอกว่า กี่สาวใช้รถคันนี้เป็นประจำ และในวันเกิดเหตุพี่สาวไม่ได้ไปไหนกับคนอื่น จึงเชื่อมั่นว่าพี่สาวถูกวางยา

ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับนายศักดิธัช อารีรอบ ผู้ใหญ่บ้านหมู่1 ตำบลท่ามะกา โดยนายศักดิธัช ให้ข้อมูลว่า ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวกับนางสาวแอม เพิ่งจะมารู้จักกันเมื่อประมาณ 2 ปีก่อน ที่นางสาวแอมพร้อมด้วยพ่อและแม่ มาขอให้ตนเซ็นเอกสารรับรองเรื่องการทำธุรกรรมเกี่ยวกับที่ดิน ซึ่งหลังจากตนเซ็นเอกสารไปให้ นางสาวแอมก็ยังเคยคุยว่าตัวเองมีสามีเป็นตำรวจ หากมีอะไรให้ช่วยเหลือก็บอกได้ ก่อนจะให้เบอร์โทรศัพท์ไว้แต่ปัจจุบันติดต่อไม่ได้แล้ว ส่วนพ่อและแม่นางสาวแอมเป็นคนพื้นเพอยู่ที่หมู่ 1 ตำบลท่ามะกา มายาวนาน ส่วนตัวของนางสาวแอมหลังจากเรียนจบและมีครอบครัวก็ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ นานๆ ครั้งจึงจะแวะมาทำธุระและเยี่ยมหาพ่อแม่เท่านั้น

ทีมข่าวช่อง 8 ไปพบเจอกับภรรยาของ ผกก.สภ.บ้านโป่ง หรือที่คนในโรงพักและชาวบ้านชอบเรียกกันว่า "คุณนายผู้กำกับ" บอกกับทีมข่าวว่า รองผู้กำกับฯ สามีของ น.ส.แอม เพิ่งมารับตำแหน่งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ทำให้ยังไม่ได้พักอาศัยอยู่ภายในบริเวณโรงพักซึ่งก่อนหน้านี้ คนที่มารับตำแหน่งใหม่ก็จะพาเมียมาไหว้ด้วยตามธรรมเนียม แต่รองผู้กำกับคนนี้ไม่ได้เปิดตัวว่ามีเมีย และเราก็ไม่เคยพบเห็นนางสาวแอมมาที่โรงพักด้วยสักครั้งเดียว

จากการที่ได้สอบถามเจ้าตัวก็บอกว่าได้จดทะเบียนหย่ากับเมียไปแล้วเมื่อตอนปี 2564 เพียงแต่สงสัยว่าหากเลิกกันไปแล้วทำไมยังไปมาหาสู่กัน แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเพราะทั้งคู่มีลูกด้วยกัน จนกระทั่งเป็นข่าวขึ้นมา พอเห็นคลิปกล้องวงจรปิดที่ออกมาตัวเองยังตกใจว่า ทำไมนางสาวแอมเห็นเพื่อนที่ไปด้วยกันจะเสียชีวิตจึงไม่เข้าไปช่วย แต่กลับเดินมองแล้วเดินผ่านไปเลย ซึ่งคนกำลังตั้งครรภ์ด้วยไม่น่าจะมีจิตใจดำแบบนี้