ครอบครัวคาใจ ครูอ๊อดป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว เตรียมจะไปทำคีโมที่ รพ.ศิริราช แต่กลับเสียชีวิตหลังจากกินขนมจีนน้ำยาป่าขาไก่

ครอบครัวและเพื่อนของนางสาวผุสดี หรือครูอ๊อด อายุ 39 ปี ซึ่งเสียชีวิตที่บ้านพักใน อ.ดอนตูม นครปฐม เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 20 พ.ย. 2565 คาใจและสงสัย เนื่องจากพบว่าลูกสาวปกติแล้วมีแค่ป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตทางครูอ๊อดได้เตรียมตัวเพื่อที่จะไปทำคีโม ที่รพ.ศิริราช พอช่วงเช้าหลังจากพ่อได้กลับมาจากขายผักที่ตลาด พ่อได้เคาะเรียกครูอ๊อดในห้องไม่ตอบ จึงรีบใช้กุญแจสำรองเปิดประตูเข้าไปดู ภายในห้อง พบว่าลูกสาวได้เสียชีวิตแล้ว สภาพศพชักเกร็ง มือกำแน่น น้ำลายฟูมปาก พ่อดูแล้วว่าอาการคล้ายกับคนโดนวางยา

น.ส.จิราภรณ์ เพื่อนของครูอ๊อด เปิดเผยว่า ก่อนที่ครูอ๊อดจะเสียชีวิต 1 วัน คือวันที่ 19 พ.ย. 2565 ตนเองและครูอ๊อด พร้อมเพื่อนอีกคนได้ไปทำบุญโลงศพและไหว้พระด้วยกัน จากนั้นก็กลับมาส่งครูอ๊อดที่บ้านในเวลาประมาณ 18:00 น. ซึ่งครูอ๊อดบอกว่าจะไปหาอดีตสามีและลูกเพราะในวันรุ่งขึ้นจะต้องไปทำคีโมที่ รพ.ศิริราช และต้องให้นอนให้คีโมที่ รพ. 1 เดือน (ครูอ๊อดเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว แต่อาการไม่ได้ทรุดอะไร) จึงได้แยกกับครูอ๊อดตั้งแต่ 18:00น.วันนั้น

พอแยกกันไปช่วงกลางคืนตนก็ได้โทรศัพท์ไปหาครูอ๊อดแต่ครูอ๊อดไม่รับ จึงได้ไลน์ไปหาในช่วง 22:04 น. โดยย้ำว่าให้เตรียมเอกสารให้พร้อม แต่ครูอ๊อดก็ไม่อ่านไลน์ ตอนนั้นก็เอะใจเล็กน้อย เพราะว่าปกติไลน์หาดึกแค่ไหนครูอ๊อดก็จะตอบแชทตลอด แต่ก็คิดว่าอาจจะเป็นเพราะว่าน้องหลับเร็วเพราะว่าต้องรีบไป รพ.

จนกระทั่งช่วงเช้าตนเองก็มาที่บ้านครูอ๊อด เพราะนัดกันว่าจะพากันไป รพ. โดยนัดกับแฟนของครูอ๊อดไว้ว่าจะพาครูอ๊อดไป รพ.ด้วยกัน โดยช่วงเช้ามืดก็ได้โทรหาครูอ๊อดเพื่อคอนเฟิร์มอีกครั้งแต่ครูอ๊อดก็ไม่รับ ไลน์ไปก็ไม่อ่าน ระหว่างเดินทาปรากฏว่าแฟนครูอ๊อดโทรมาบอกว่าครูอ๊อดตายแล้ว จึงรีบไปที่บ้านครูอ๊อด เมื่อไปถึงเห็นสภาพศพตอนแรกตนเองคิดว่าครูอ๊อดฆ่าตัวตายหรือเปล่า เพราะว่าบริเวณปากมีฟองออกมาจากปาก แต่พอมาคิดดูดี ๆ ไม่น่าใช่การฆ่าตัวตายเพราะว่าน้องพยายามที่จะรักษาตัวเอง

หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง น.ส.แอม ก็เดินทางมาที่บ้านของครูอ๊อด โดยมีคนขับรถฟอร์จูนเนอร์สีบรอนซ์ ขับมาส่ง โดยเมื่อมาทางถึง น.ส.แอม ก็ร้องไห้ฟูมฟายอย่างหนัก ตอนนั้นก็คิดว่าเขาก็เป็นเพื่อนครูอ๊อดคนหนึ่งก็อาจจะเสียใจจริงๆ ไม่ได้เอะใจสงสัยอะไร ตอนนั้นไม่ค่อยชอบแอมเท่าไหร่ เพราะรู้สึกว่าครูอ๊อดให้ความสำคัญกับแอมมากเกินไป ตนจึงไม่ค่อยได้คุยกับแอมมากนัก

หลังจากครูอ๊อดเสียชีวิตก็ลองมานั่งไล่เรียงไทม์ไลน์เวลาหลังจากที่ตนเองมาส่งครูอ๊อดที่บ้านตอนช่วง 6 โมงเย็น แล้วครูอ๊อดบอกว่าจะไปหาลูกกับอดีตสามี ซึ่งระยะทางห่างจากบ้านไม่เกิน 15 นาที แต่เมื่อถามพี่สาวครูอ๊อดกลับพบว่า ครูอ๊อดหายไปนานกว่า 1 ชม. กว่าจะกลับมาบ้าน จึงสงสัยว่าช่วงที่หายไปนั้นอาจจะไปกับแอม ตนเองจึงได้โทรไปหา ผอ.รร. ซึ่งทาง ผอ.รร.ก็บอกว่าตอนนั้นแอมเคยบอกว่า ก่อนที่ครูอ๊อดจะตายยังเจอกันกับแอมอยู่เลย จึงได้นำมาปะติดปะต่อกันว่า ช่วงที่ครูอ๊อดหายไปนั้นหายไปกับแอมหรือเปล่า เพราะกลุ่มเพื่อนของครูอ๊อดก็บอกว่า วันก่อนที่ครูอ๊อดจะเข้าบ้านได้นำขนมจีนน้ำยาป่าขาไก่กลับมาด้วย จึงคาดว่าครูอ๊อดไปแวะกินขนมจีนกับแอมก่อนไปหาอดีตสามีหรือไม่ จึงอยากให้ทางตำรวจสืบสวนคดีนี้ให้ได้ความจริง เพราะคนรักครูอ๊อดเยอะ ตนเองก็เป็นอีกหนึ่งคนที่รักครูอ๊อด แต่กลับถูกพรากชีวิตไปจากคนที่รัก

สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างครูอ๊อดกับแอมนั้น อดีตสามีเล่าให้ฟังว่า เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันที่ รร.เก่าที่จังหวัดสุพรรณบุรี โดยเพิ่งมารู้จักช่วง 2-3 ปีให้หลังก่อนครูอ๊อดตาย โดยได้มาชักชวนครูอ๊อดขายยาสมุนไพรต้านโควิด ซึ่งหลังจากครูอ๊อดเสียชีวิต ก็มีเจ้าหนี้มาทวงเงินครูอ๊อดหลายรายรวมแล้วประมาณ 2-3 แสนบาท เมื่อเป็นข่าวจึงมาเปิดโทรศัพท์มือถือของครูอ๊อดดู ก็พบว่า ก่อนจะไป รพ. ทางแอมได้ไลน์มาคุยกับครูอ๊อด ว่าแอมจะเอาของต่างๆ เช่น ผ้าขนหนู มาให้ครูอ๊อดก่อนไป รพ.

ขณะที่ พ่อของครูอ๊อด บอกว่า วันที่ครูอ๊อดเสียชีวิตนั้นตนเองอยู่ที่ตลาด เมื่อมาที่บ้านพยายามโทรหาปรากฎว่าลูกไม่รับโทรศัพท์ จนมาลองเปิดประตูดุก็พบว่าลูกเสียชีวิตแล้ว แต่ตอนนั้นไม่ได้สงสัยเพราะลูกมีโรคประจำตัวคือเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว แต่หลังจากเป็นข่าวก็เริ่มสงสัย เพราะว่าหลังจากตนเองเจอศพลูกไม่นาน แอมก็มาที่บ้าน ก่อนใคร มาถึงก่อนลูกเขยอีกโดยที่ไม่มีใครโทรบอก เหมือนกับรู้ว่าลูกของตนเองจะตาย และแอมยังบอกกับตนเองอีกว่า ก่อนจะตายช่วง 4 ทุ่มกว่า ครูอ๊อดยังโทรคุยกับแอมอยู่เลย โดยหลังจากที่ลูกตายทางแอมยังได้มาทวงเงินจากตน โดยบอกว่าครูอ๊อดเป็นหนี้จำนวนหนึ่ง แต่ตนเองก็ไม่ได้ให้ไป เรื่องที่เกิดขึ้นอยากให้คนที่ก่อเหตุได้รับกรรมที่ทำไว้