เปิดชีวิต"พ่อแม่แอม"สุดลำบาก เครียดหนักลูกถูกจับเข้าเรือนจำ เผยไม่เคยรู้ไปทำอะไรมา ย้ำไม่เคยได้อะไรจากลูก
ทีมข่าวช่อง8 เดินทางไปยังจุดแรก ก็คือบ้านของพ่อและแม่ของแอม ที่อยู่ในพื้นที่อำเภอท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ซึ่งบรรยากาศที่หน้าบ้านปิดประตูเงียบ และมีเพียงสุนัขภายในบ้านเห่าออกมาเท่านั้น
ต่อมา ทีมข่าวได้ไปคุยกับ ป้าเตี้ย เป็นสมาชิก อบต.ที่สนิทกับพ่อและแม่ของแอม บอกว่า หลังเกิดเรื่อง ส่วนตัวได้คุยกับพ่อและแม่ของแอม เกือบทุกวัน ซึ่งเท่าที่ไปพูดคุย พ่อและแม่ของแอม มีอาการเครียดตลอดเวลา เนื่องจาก ทั้งพ่อและแม่ออกจากบ้านไปทำมาหากินไม่ได้ เพราะ 4 - 5 วันที่ผ่านมา มีนักข่าวรวมถึงตำรวจไปเฝ้ากันอยู่ที่หน้าบ้านทั้งวันทั้งคืน ซึ่งพ่อกับแม่ของแอม จะไม่รับสายโทรศัพท์ใครนอกจากป้าเตี้ย และทุกครั้งที่ป้าเตี้ย ไปคุยกับพ่อและแม่ของแอม เขาทั้งคู่ฝากบอกกลับมาแค่ว่า พ่อกับแม่ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวแอม ขอร้องนักข่าวทุกคน อย่าไปตามหาพ่อกับแม่ที่บ้าน ซึ่งตัวพ่อกับแม่เอง มีชีวิตที่ลำบากมาก ตั้งแต่เกิดเรื่อง เครียดจนกินนอนไม่ได้ ที่สำคัญต้องออกไปทำมาหากิน
ป้าเตี้ย บอกอีกว่า ส่วนตัวยอมรับว่า ไม่เคยรู้จักตัวตนของแอม มาตั้งแต่เขายังเด็ก เพราะตั้งแต่เขาเกิดมา เขาไม่ได้มาใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านพ่อและแม่ แต่ตนเองมารู้จักกับแอมได้ ก็ตั้งแต่ประมาณ 7 ปีที่แล้ว ที่แอม เดินทางมาให้พ่อกับแม่ ยื่นเอกสารขอกู้เงินกองทุนหมู่บ้าน จำนวน 50,000 บาท พอครบกำหนดส่งคืนทั้งต้นทั้งดอก แอมก็จะกลับมาคืนเงินและกู้ไปใหม่ทุกปี จนถึงปัจจุบัน ยืนยันที่ผ่านมา แอม ไม่เคยมาทำธุรกิจอะไรในพื้นที่ ส่วนพี่สาว เคยมาเป็นพยาบาลในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในพื้นที่
วันนี้ทีมข่าวช่อง 8 อยากรู้ความเป็นอยู่ของพ่อกับแม่ของแอม ว่ามีชีวิตลำบากจริงหรือไม่ จึงได้เดินทางไปหา ในสถานที่แห่งหนึ่ง เห็นสภาพของพ่อและแม่ของแอม เขามีชีวิตที่ลำบากจริงๆ เนื่องจากทั้งคู่แก่แล้ว อีกอย่างที่ทั้งคู่ ไม่เคยออกมาพูดอะไรกับสื่อ ก็เป็นเพราะว่า พ่อและแม่ของแอม มีอาชีพขายของกิน
ที่ผ่านมาขอยืนยันว่า ลูกสาวไม่เคยมาให้อะไรพ่อกับแม่ พ่อกับแม่ลำบาก ใช้ชีวิตหาเช้ากินค่ำไปวันๆ ที่ผ่านมาไม่เคยรู้เรื่องว่าลูกไปทำอะไร ส่วนที่ป้าเตี้ย เล่าให้นักข่าวฟัง ทุกเรื่องเป็นความจริง ยังไงก็ขอความเห็นใจ ขอให้พ่อกับแม่มีที่ยืนในสังคมด้วย เพราะพ่อและแม่ต้องทำมาหากิน
และตั้งแต่แอม ติดคุก พ่อกับแม่ยังไม่ได้ไปเยี่ยมแอม ที่เรือนจำเลยสักครั้ง เพราะต้องหาเช้ากินค่ำ
มีรายงานว่า จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของแอมของตำรวจ พบว่า ตั้งแต่ปี2564 ต่อเนื่องถึง25เม.ย.2566 มีคนจำนวนมากโอนเงินเข้าบัญชีของแอมหลายยอด ยอดโอนตั้งแต่หลักหมื่นบาทไปจนถึงหลักแสนบาท และบุคคลที่มีการโอนเข้าโอนออกประมาณ 18-20 คน จะเสียชีวิตหลังโอนเงิน
จากการสืบสวนสอบสวน พบว่า แอมจะมีพฤติกรรม เลี่ยงที่จะติดต่อสื่อสารกับเหยื่อผ่านโทรศัพท์โดยตรง โดยจะเลือกใช้โทรหรือแชตสนทนาผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์ เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ ก่อนจะมีการทำลายหลักฐานเพื่ออำพรางคดี หลังจากที่เหยื่อเสียชีวิต จนยากแก่การแกะรอย