ตำรวจแกะรอยตามรวบนายณัฐพล อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาลวงเซลส์ขายรถสาวออกไปที่ร้านกาแฟ โดยจับได้แถวประตูท่าแพ รับสารภาพขืนใจแต่เหยื่อต่อสู้ เปิดบังกะโลทิ้งศพแล้วหนี เผยประวัติเคยล่อลวงนักศึกษาสาวรอดเงื้อมมือหวุดหวิด

นางสาวเด่นนภา หรือ อ้อม อายุ 36 ปี เซลส์ขายรถยนต์ใน จ.เชียงใหม่ หายตัวปริศนาติดต่อไม่ได้ หลังไปแนะนำรถยนต์ให้ลูกค้าที่ร้านกาแฟ ห่างจากสำนักงานแค่ 40 เมตร ทำให้เพื่อนสนิทและเพื่อนร่วมงานเป็นห่วง พากันโพสต์โซเชียลช่วยกันตามหา

โดยเบาะแสล่าสุดก่อนจะหายไป เป็นกล้องวงจรปิดภายในร้านกาแฟ ริมถนนเชียงใหม่-เชียงราย ตำบลสันพระเนตร อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ จับภาพขณะอ้อมนำเอกสารใบเสนอราคารถยนต์มาให้กับชายที่แฝงตัวมาเป็นลูกค้า นั่งพูดคุยสักพัก ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินออกจากร้านกาแฟไป ช่วง 150.00 น. วันที่ 29 เม.ย. 2566

อย่างไรก็ตาม มีเบาะแสจากโทรศัพท์ของอ้อม ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมา ตอนที่เพื่อนพยายามตามรอย GPS แล้วเห็นว่าโทรศัพท์อ้อมเปิดอยู่จึงโทรหา ปรากฏว่ามีผู้ชายรับสาย บอกว่า อ้อมลืมโทรศัพท์ไว้ แล้วจะเอาไปคืน แต่หลังจากนั้นก็ปิดเครื่องหนี จนตกดึกโทรติดต่อได้อีกครั้ง ปลายสายยอมรับว่าเป็นคนเอาโทรศัพท์อ้อมไป จึงตาม GPS ไปพิกัดใน อ.สันทราย พบปลายทางเป็นหอพัก จึงได้ประสานตำรวจมาเข้าตรวจสอบ แต่ค้นหาแล้วยังไม่เจอโทรศัพท์ดังกล่าว รวมถึงไม่พบรถกระบะตู้ทึบของลูกค้าชายที่สงสัย แต่พบรถเก๋งโตโยต้า ยาริส ที่กล้องวงจรปิดบันทึกทะเบียนรถ เวลาตรงกับจีพีเอสมือถือของผู้สูญหายตอนผ่าน สภ.แม่โจ้ ตรวจสอบภายในรถ พบถุงพลาสติกสีขาว ซุกซ่อนอยู่ด้านหลังคนขับ ภายในถุงมีสายเคเบิลไทด์สีดำหลายเส้น เชือกสีเขียว ผ้าก๊อซเปื้อนคราบเลือด ค้อน ขวดน้ำ และถุงยางอนามัยที่ใช้แล้ว และแว่นตาของน้องอ้อม ซึ่งจากหลักฐานที่พบนั้น ทางญาติต่างร้องห่มร้องไห้ เชื่อว่าน้องอ้อมจะเสียชีวิตไปแล้ว

ต่อมา ตำรวจได้รับแจ้งจากพลเมืองดี ว่าพบเห็นรถตู้ทึบของผู้ต้องสงสัยในพื้นที่ หมู่ 12 ต.เชิงดอย อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ จากการตรวจสอบภายในรถพบด้านหลังบรรทุกรถจักรยานยนต์ 3 คัน บริเวณหน้ารถทางด้านขวา พบร่องรอยเฉี่ยวชน และบริเวณที่นั่งผู้โดยสารพบเอกสารโบรชัวร์รถยนต์ที่น.ส. อ้อม ได้นำเสนอแก่ผู้ต้องสงสัย แต่ยังไม่พบตัวนางสาวอ้อม

ตำรวจติดตามต่อจนทราบว่า ผู้ต้องสงสัยคือนายณัฐพล อายุ 40 ปี โดยหลังจากจอดรถตู้ทึบทิ้งไว้ ได้ได้โทรศัพท์ให้แฟนสาวมารับ แล้วไปเอารถจักรยานยนต์ฟีโน่ สีแดง ใช้ขับขี่หลบหนีไปในพื้นที่ อ.สันกำแพง นอกจากนี้ นายณัฐพล ยังได้ขับรถวนกลับมายังห้องเช่าที่นำศพหญิงสาวมาทิ้งไว้ เพื่อตรวจดูว่าหญิงสาวเสียชีวิตแล้วจริงหรือไม่ ก่อนจะติดต่อจ่ายเงินค่าเช่าห้องเพิ่ม หวังยืดเวลาอำพรางศพให้ตนหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมได้ก่อนที่ถนนประตูท่าแพ ผู้ต้องหารับสารภาพว่าได้ลงมือฆ่าผู้เสียชีวิตที่อื่น แล้วนำศพไปทิ้งไว้ในบังกะโล

พลตำรวจตรี วีรชน บุญทวี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน จึงได้คุมตัวนายณัฐพล ไปชี้จุดที่นำศพน้องอ้อมมาซ่อนอยู่ภายในห้องเบอร์ 8 บังกะโลแห่งหนึ่งถนนวงแหวนรอบ 3 ท้องที่ สภ.แม่ปิง ไม่นานตำรวจต้องควบคุมตัวนายณัฐพล ออกจากจุดเกิดเหตุ ขึ้นรถด้วยความทุลักทุเลเพราะบรรดาญาติพี่น้องและเพื่อนสนิทส่วนหนึ่งของผู้ตายได้ส่งเสียงตะโกนด่าทอ ผู้ก่อเหตุและส่วนหนึ่งที่พยายามจะฝ่าเจ้าหน้าที่เข้าไปทำร้าย จนเกิดความชุลมุน ก่อนเจ้าหน้าที่จะนำตัวผู้ก่อเหตุขึ้นรถและขับออกไป

ขณะที่นายอำนาจ (สามีของผู้ตาย) บอกเล่าพร้อมน้ำตาว่า ตนไม่เคยคิดฝันว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นกับภรรยาของตนเอง เพราะปกติทำงานที่เดียวกันไปกลับด้วยกันตลอด ยอมรับว่ายังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ด้านน้าของ น.ส.อ้อม ผู้เสียชีวิต เล่าว่า นางสาวอ้อมหลานของตนเป็นคนดี ไม่มีพิษภัยกับใคร ทำไมต้องลงมือก่อเหตุฆ่าหลานของตนอย่างทารุณแบบนี้ อยากวอนขอเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด “คนแบบนี้ต้องรับโทษประหารชีวิตอย่างเดียว”

จากการสอบปากคำนายณัฐพล ผู้ต้องหา ให้การว่า ได้พา น.ส.อ้อม ขึ้นรถยนต์ตู้กระบะทึบแล้วไปที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.สันทราย ก่อนที่จะกระทำการข่มขืนกระทำชำเรา แต่ทางฝ่ายหญิงได้ต่อสู้ขัดขืนจึงลงมือฆ่า จากนั้นได้นำศพขึ้นรถยนต์คันดังกล่าวแล้วมายังห้องพักรายวันแห่งนี้ ในช่วงค่ำวันที่ 29 เม.ย. แล้วหลบหนีนำรถกระบะตู้ทึบไปจอดทิ้งไว้ที่บริเวณลานจอดรถวัดหนองบัวพระเจ้าหลวง ก่อนจะหลบหนี

ตำรวจตรวจสอบประวัตินายณัฐพล พบเคยก่ออเหตุล่อลวงนักศึกษาสาวที่ขายของออนไลน์ ให้ขี่รถจักรยานยนต์ตามไปในทางเปลี่ยว จากนั้นจึงใช้มีดจี้จะพาขึ้นรถ แต่นักศึกษาสาวหนีออกมาได้ทัน โดยได้ก่อเหตุในท้องที่ สภ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2566

รวบไอ้หื่นลวงเซลส์สาว หมกศพในบังกะโล