กระบะลากศพหนุ่มขี่ จยย. ไกลกว่า 1 กม. พบวงจรปิดถนนมืด เก๋งชน จยย.ก่อน พ่อแม่สลดใจนัดกินข้าววันเกิดลูกชายแต่กลับมาเสียชีวิต
จากกรณีมีพลเมืองดีพบรถกระบะตู้ทึบลากศพมาอยู่ที่ซอยแสงอารี ตำบลบึงคำพร้อย อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย ชื่อนายวัชรพงษ์ อายุ 33 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ใต้รถกระบะตู้ทึบสีขาว สภาพศพเสื้อผ้าขาดหลุดลุ่ย และมีบาดแผลตามร่างกายหลายแห่ง
คนขับรถกระบะตู้ทึบ คือ นายกรด อายุ 46 ปี ยืนรอเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในจุดเกิดเหตุ นายกรด ให้การว่า ตนเองบรรทุกของมาจากอำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อจะมุ่งหน้าเข้ามาที่โกดัง ระหว่างวิ่งเข้ามาได้มีรถเพื่อนร่วมทางขับตามตนเองมา และให้ตนเองหยุดรถ แล้วบอกว่าตนเองลากศพมา ติดอยู่ใต้ท้องรถ จึงได้หยุดรถ และลงมาดูก็พบว่า มีผู้เสียชีวิตจริงๆ โดยไม่ทราบและไม่ได้เป็นคนเฉี่ยวชน ในขณะเกิดเหตุนั้น ตนเองขับรถตามรถบรรทุกสิบล้อ และเส้นทางก็มืด จึงไม่ได้สังเกตว่ามีศพอยู่ใต้ท้องรถ
นางสาวอุทุมพร อายุ 31 ปี คนขับรถเก๋ง ให้การว่า ตนเองขับรถมาจากตลาดชัชวาลเพื่อจะมุ่งหน้ากลับบ้านย่านธัญบุรี โดยมาถึงจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นเลนสวนทาง และถนนไม่มีไฟส่องสว่าง มารู้สึกอีกครั้งตอนที่มีรถจักรยานยนต์ชนกับรถตนเอง และรถไม่สามารถขับเคลื่อนได้ จากนั้นจึงได้ลงไปดู ก็พบแต่รถจักรยานยนต์ แต่ไม่เห็นคนขี่ (ผู้เสียชีวิต) จึงได้โทรแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและประกันทราบ
ทีมข่าวช่อง 8 ได้ภาพจากกล้องวงจรปิดขณะเกิดอุบัติเหตุ พบว่า เมื่อเวลาประมาณ 02.17 น. วันที่ 3 พฤษภาคม 2566 มีรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวขับขี่ผ่านมา แล้วเกิดชนกันอย่างแรงกับรถเก๋ง Mitsubishi โดยคนขี่รถจักรยานยนต์ได้นอนนิ่งอยู่บนถนนห่างออกไปจากตัวรถ ขณะที่คนขับรถเก๋งคู่กรณีได้ลงจากรถแล้วยิ่งย้อนกลับมาดู แต่ระหว่างนั้นได้มีรถกระบะตู้ทึบขับผ่านมาพอดี ด้วยสภาพถนนที่มืดจึงคาดว่า คนขับรถกระบะมองไม่เห็นคนขี่รถจักรยานยนต์ที่นอนนิ่งบนถนน และได้ขับชนและลากศพไปไกลถึง 1.4 กม. โดยไม่รู้ตัว กระทั่งมีพลเมืองดีพบเห็นและขับรถตามมาบอก
ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปงานศพของผู้ตาย พบนายดาวรุ่ง อายุ 58 ปี พ่อของผู้เสียชีวิต บอกว่า วันเกิดเหตุเป็นวันเกิดของลูกชาย ลูกชายไปเที่ยวน้ำตกที่นครนายกแล้วก็กลับมาบ้าน จากนั้นก็ขอไปเลี้ยงฉลองกับเพื่อนๆ และได้นัดกับพ่อแม่ว่าตอนเย็นจะมาเลี้ยงวันเกิดกัน แล้วก็ไม่ได้มา กระทั่งมารู้ว่าลูกประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตเพราะเจ้าหน้าที่มูลนิธิโทรมาบอก ส่วนเรื่องทางคดีความก็รอให้เสร็จงานศพแล้วนัดเข้าไปคุยกันทุกฝ่าย