ลูกสาวร้องช่อง 8 แม่หายตัว 3 ปี หลังถวายตัวเป็นลูกศิษย์เจ้าลัทธิประหลาด เงินในบัญชีหลักแสนทยอยไหลออกจนเกลี้ยง
ทีมข่าวช่อง 8 ได้รับเรื่องร้องเรียนจากนางสาวบี (นามสมมมติ) อายุ 26 ปี ผู้เป็นลูกสาว ให้ช่วยตามหาแม่ คือ ธิติรัตน์ อายุ 46 ปี ได้หายสาบสูญขาดการติดต่อไปกว่า 3 ปีแล้ว เนื่องจากแม่ไปหลงเชื่อชายคนหนึ่ง ซึ่งอ้างตัวเองเป็น อาจารย์เจ้าสำนัก ชักชวนให้ไปร่วมเดินทางแสวงบุญด้วย ก่อนที่แม่จะหายสาบสูญติดต่อไม่ได้อีกยังพบว่าเงินในบัญชีของแม่ทยอยถูกโอนไปให้เจ้าสำนักคนนี้ จนหมดเกลี้ยงบัญชี
นางสาวบี เล่าให้เราฟังว่า จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นเมื่อ ปี 2557 ขณะนั้นพ่อแม่ของเธอได้เดินทางไปร่วมงานศพญาติคนหนึ่งที่วัดภายในจังหวัดเลย จากนั้นแม่ได้พบกับชายคนหนึ่ง อ้างตัวว่าเป็นอาจารย์เจ้าสำนัก ชื่อ อาจารย์มุก ซึ่งเดินทางไปร่วมงานศพพร้อมกับคณะลูกศิษย์แต่งชุดขาว ได้เข้ามาตีสนิท ทำความรู้จักกับแม่ในงาน พร้อมกับพูดจาหว่านล้อมชวนแม่คุยเรื่องการทำบุญ การแสวงบุญ ซึ่งแม่กับอาจารย์มุกได้คุยกันถูกคอและได้แลกเบอร์ติดต่อกัน
ผ่านไปประมาณ 4-5 วัน อาจารย์มุกได้ขอเดินทางไปที่บ้าน อ้างว่า อยากมาเห็นสภาพบ้านและความเป็นอยู่ และจะมาปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย และวิญญาณไม่ดีในบ้านออกไปให้ ชีวิตจะได้เจริญรุ่งเรือง พร้อมกับมาขอกินนอนอยู่ที่บ้าน ซึ่งแม่ก็ไว้ใจ ให้อาจารย์มุกและคณะประมาณ 6-7 คน เข้ามาพักชั่วคราว
โดยระหว่างที่เข้ามาอาศัยอยู่ที่บ้าน อาจารย์มุกได้บอกแม่และทุกคนในครอบครัวว่า ตัวเองคือเจ้าสำนักซึ่งจะเดินทางไปแสวงหาบุญทั่วประเทศ และมาเก็บวิญญาณที่ไม่ดี นำไปปลดปล่อย และชักชวนแม่หากอยากจะมีบุญบารมี ทำธุรกิจรุ่งเรือง จะมาร่วมเดินทางไปแสวงบุญด้วยกันก็มาได้
จากนั้นไม่นาน แม่ก็เริ่มหลงเชื่อ และขอครอบครัวเดินทางไปร่วมแสวงบุญกับอาจารย์มุก ตั้งแต่ปี 2558-2560 ซึ่งตนเองก็เคยเดินทางติดตามแม่ไปด้วยบางครั้ง ส่วนวิธีการแสวงบุญก็ไม่มีอะไรมาก หิวก็กิน ง่วงก็นอน ร้อนก็อาบน้ำ ไปอาศัยนอนวัดบ้าง นอนบ้านลูกศิษย์ที่อาจารย์มุกอ้างว่ามีอยู่ทั่วประเทศบ้าง
พักหลังๆ อาจารย์มุก อ้างว่า ได้แสวงบุญเก็บวิญญาณ และบุญบารมีมามากเเล้ว จึงได้เดินกลับไปอยู่ที่สำนัก ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองหาดใหญ่ จ.สงขลา ในช่วงปลายปี 2560 จากนั้นแม่ก็ได้ขอติดตามอาจารย์มุกไปอยู่ด้วย ขอพ่อกับตนเองให้ย้ายไปแสวงบุญด้วยกัน
ซึ่งระหว่างที่แม่ไปอยู่ในสำนักอาจารย์มุก ช่วงแรกๆ ด้วยความที่ครอบครัวเป็นห่วงแม่ แต่เห็นว่าคุณแม่อยากไปทำบุญ รักการทำบุญ ทางคุณพ่อได้ให้ตนเองและน้องชายทิ้งบ้านที่ จ.เลย เดินทางตามคุณแม่ไปกินนอนอยู่ด้วยภายในสำนักของอาจารย์มุกเป็นเพื่อนแม่ ส่วนคุณพ่อก็จะเทียวไปเทียวมา เนื่องจากที่บ้านยังต้องทำธุรกิจ
ส่วนภายในพื้นที่สำนักที่ตนเองและแม่เข้าไปอยู่ จะถูกสร้างเป็นบ้านขนำเล็กๆ มีเพียงพัดลม ไม่มีแอร์ ห้องน้ำรวม โดยอาจารย์มุกจะเรียกสำนักตัวเองว่า “สวน” มีขนำปลูกเรียงกันประมาณ 9-10 ขนำ
จากนั้นเมื่อเข้าไปอยู่ ก็จะมีลูกศิษย์แต่ละคนสวมชุดขาวเกือบ 10 คน (ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง) แวะเวียนกันมาปรนนิบัติอาจารย์มุก ตอนนั้นตนเองเริ่มสังเกตความผิดปกติของแม่ ที่เริ่มจะเชื่ออาจารย์มุกพูดทุกอย่าง ศรัทธาอาจารย์มุกอย่างบ้าคลั่ง ครั้งหนึ่งอาจารย์มุกได้นั่งสมาธิให้ลูกศิษย์ดู และบอกว่าตัวเองหน้าเหมือนเสด็จพ่อ ร.5 และบางครั้งก็อ้างว่า หน้าเหมือนหลวงปู่ทวด และสามารถเรียกองค์หลวงปู่ทวดมาประทับร่างได้
นอกจากนี้ หากลูกศิษย์คนไหนป่วย อาจารย์มุกก็จะเรียกมาจับเนื้อตัว และร่ายคาถา พวกลูกศิษย์ก็จะไหวศรัทธา อ้างว่าหายปวดในพริบตา ซึ่งตนเองก็เคยถูกอาจารย์มุกเรียกไปจับแขนจับมือเช่นกัน แต่ในใจคิดว่า อาจารย์มุกไม่น่าเชื่อถือแล้ว ออกแนวลวนลามมากกว่า แต่แม่ตนเองก็ยังเชื่อ และแม่ก็ขอไม่กลับบ้านที่ จ.เลย อีก บอกจะอยู่กับอาจารย์มุกตลอดไป ซึ่งตนเองพยายามจะขอร้องให้แม่กับบ้านหลายครั้งแม่ก็ไม่ยอม
กระทั่งปี 2561 คุณพ่อทนไม่ไหว จึงได้ไปขอให้แม่กลับบ้าน แต่ระหว่างนั้น อาจารย์มุกได้ยินเข้า ได้เรียกพ่อไปคุย จากนั้น ก็เริ่มสั่งลูกศิษย์ให้กีดกันพ่อออกจากแม่ จากที่พ่อเคยแวะมาที่สำนักมานอนกับแม่ ก็ถูกสั่งห้ามให้นอนด้วยกัน และอ้างกับแม่ว่า ได้เห็นนิมิตว่า พ่อกำลังจะคิดฆ่า เอาปืนมายิงแม่ ให้แม่ตีตัวออกห่าง ซึ่งแม่ก็เชื่ออาจารย์มุก
และจนปลายปี 2561 อาจารย์มุก ก็ได้ไล่พ่อออกจากสำนัก ห้ามมายุ่งกับแม่อีก ขณะนั้น พ่อจึงให้ตนเองและน้องชายกลับมาอยู่บ้านที่ จ.เลย ส่วนคุณแม่ยังอยู่กับอาจารย์มุก ไม่ยอมกลับไปด้วย
จนล่าสุด ปี 2563 ตนเองหลังจากกลับมาอยู่บ้านพยายามหาทางจะเอาคุณแม่กลับบ้าน ได้ไปแจ้งตำรวจพาตำรวจไปด้วย เพราะอยากได้แม่คืน แต่เมื่อกลับไปที่สำนัก พบว่า ลูกศิษย์ไม่ให้ตนเองเข้าไปหาแม่ในสำนักแล้ว ปิดประตูบ้านเงียบ และบอกว่า แม่ไม่อยู่แล้วออกไปแล้ว
ตนเองขอเข้าไปดูในบ้าน ก็ถูกลูกศิษย์ปฎิเสธไม่ให้เข้า ส่วนตำรวจที่มาด้วยก็ไม่สามารถเข้าไปได้ เพราะอีกฝ่ายขู่ว่า หากจะเข้าก็ต้องมีหมายค้นเท่านั้น ทำให้ไม่ได้พบหน้าแม่อีก จำได้ว่าขณะนั้นตนเองร้องไห้ ยืนอยู่หน้าประตูนานมากแต่ก็ไม่มีวี่แววที่เห็นแม่ออกมาหาด้วยซ้ำ และตนเองก็ไม่พบแม่อีกตั้งแต่วันนั้น แม่ของตนเองหายสาบสูญ จนถึงตอนนี้ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เป็นตายร้ายดีอย่างไร โดยลูกสาวได้อันคลิปเสียงวันที่เธอไปตามหาแม่ที่สำนักดังกล่าววันนั้นไว้ด้วย
ต่อมาครอบครัวไปแจ้งความกับตำรวจ แต่ก็ถูกตำรวจบอกไม่รับแจ้งความ แถมว่าพูดว่า “หายไปหลายปีแล้ว ป่านนี้คงเป็นขี้เถ้าไปแล้วมั้ง” ซึ่งครอบครัวและตนเองก็ไม่รู้จะไปพึ่งใครแล้ว
และเมื่อมาตรวจสอบสมุดบัญชีของแม่ก็ยังพบว่า เงินในบัญชีของแม่ก็ยังถูกโอนไปให้กับชื่อของอาจารย์มุกอีกด้วย เป็นจำนวนหลักแสนบาท และเงินของแม่ก็ทยอยไหลออกจนเกลี้ยงบัญชี ซึ่งก็ไม่รู้ว่าแม่หรือใครเป็นครถอนเงินออกไป เนื่องจากติดต่อแม่ไม่ได้ และไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ตอนนี้แม่ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่
ขณะที่เพื่อนบ้านของอาจารย์มุกเผย ไม่เห็นหน้าอาจารย์มุกและนางสาวธิติรัตน์หลายปีแล้ว ชี้บ้านหลังดังกล่าวมีการปฏิบัติธรรมแต่ไม่รู้ปฏิบัติธรรมรูปแบบใด เนื่องจากที่บ้านเป็นพื้นที่ปิด คนนอกเข้าไม่ได้
ขณะเดียวกันทีมข่าวได้พูดคุยกับสามีของนางสาวธิติรัตน์ บอกว่า ชีวิตครอบครัวของตนเองต้องแตกสลายลงก็เพราะภรรยาไปหลงเชื่อคำอวดอ้างของอาจารย์มุกคนนี้ ซึ่งที่ผ่านมาตลอด 5 ปี ก่อนภรรยาจะหายสายสูญ อาจารย์มุกได้ครอบงำภรรยาตนเองตลอด ชวนไปแสวงบุญ ชวนไปอยู่ด้วยที่สำนัก
ยอมรับว่า ตั้งแต่ ปี 63 ที่ติดต่อภรรยาไม่ได้ ตนเองทุกข์ใจมาก ไม่รู้ว่าป่านนี้ภรรยาจะเสียชีวิตไปหรือยัง และเสียใจมากที่ครอบครัวต้องพังทลายลง ตนเองอยู่กินกับภรรยามากว่า 20 ปี ภรรยาเป็นคนรักลูกรักสามีมาก แต่ตั้งแต่ภรรยาไปรู้จักกับอาจารย์คนนั้น ก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที ซึ่งตนเองอยากให้ตำรวจหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยไปตรวจสอบสำนักดังกล่าวด้วยว่า เป็นสำนักอะไรกันแน่ และภรรยาของตนเองที่เคยอยู่ที่นั่น ป่านนี้ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่
ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับนายแดง เพื่อนบ้านที่อยู่ติดกันกับบ้านอาจารย์มุก บอกว่า เคยเห็นหน้าอาจารย์มุกและเคยพูดคุยกัน ซึ่งเขาก็ดูเป็นคนอัธยาศัยดี ส่วนเรื่องที่เขาเปิดบ้าน สอนเกี่ยวกับธรรมะนั้น ตัวเองไม่เคยคุยรายละเอียดเรื่องนี้กับเขา รู้แต่ว่าบ้านหลังนี้มีการเปิดปฎิบัติธรรม แต่ไม่รู้เขาปฎิบัติธรรมในศาสตร์สาขาไหน เนื่องจากบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านปิดมีกำแพงกั้น รั้วรอบขอบชิด
ทีมข่าวนำรูปภาพของสามีนางสาวธิติรัตน์ ให้กับเพื่อนบ้านคนนี้ดู เขาก็บอกว่าเขาเคยเห็นสามีของนางสาวธิติรัตน์ มาปฏิบัติธรรมที่บ้านของอาจารย์มุก จากนั้นทีมข่าวได้นำภาพของนางสาวธิติรัตน์ให้กับเพื่อนบ้านรายนี้ดู เขาก็บอกว่าเขาคุ้นหน้าหญิงรายนี้ว่ามาปฏิบัติธรรมตั้งแต่ก่อนโควิด ส่วนตอนนี้ก็ไม่เคยเห็นหน้าผู้หญิงรายนี้อีกเลย
ส่วนอาจารย์มุกก็เช่นเดียวกัน ตัวเองไม่เคยเห็นหน้าเขามาหลายปีแล้วไม่รู้ว่าเขาไปอยู่ที่ไหน