สายปริศนาอ้างตำรวจบังคับพ่อแอมตรวจดีเอ็นเอ ขณะที่คนกินยาสมุนไพรพี่สาวแอม ยืนยันรอดชีวิต ไม่เชื่อมีไซยาไนด์
เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานภูธรภาค 7 เข้าตรวจสอบรถยนต์ฮอนด้า แจ๊ส สีดำ ซึ่งเป็นรถยนต์ของกลางที่ตำรวจยึดได้ที่บ้านของพ่อของแอม ที่ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 5 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยได้ตรวจสอบเลขตัวถังรถและตรวจหาหลักฐานต่างๆ ในรถ
เบื้องต้นพบว่า รถคันดังกล่าวเปลี่ยนสีรถใหม่เป็นสีดำ จากสีรถเดิมที่เป็นสีแดง โดยพบว่าสีรถเริ่มลอกมองเห็นสีรถเดิมคือสีแดงบางจุด ขณะที่ภายในรถ ไม่มีการเก็บสีขอบประตู ยังมองเห็นสีรถเดิมตรงขอบประตูได้ชัดเจน มีรายงานว่า เทคนิคในการทำสีแบบนี้เรียกว่า อาบสีรถ ช่างที่ทำสีจะเอาสีใหม่ลงทับสีเดิมของรถ ราคาไม่เกิน 10,000 บาท ข้อเสียคือเวลาผ่านไปสีจะลอก มองเห็นสีรถเดิมได้ง่าย
ส่วนประเด็นสวมทะเบียนนั้น พบว่า รถคันนี้ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และมีการปลอมแปลงป้ายภาษี โดยนำทะเบียนรถยี่ห้ออื่น ป้ายทะเบียนกรุงเทพฯ มาสวมแทน
ตามข้อมูลระบุรถคันนี้ จอดที่บ้านพ่อแอมมา 3 ปีแล้ว เป็นรถของแอม ติดไฟแนนซ์ แก้มยางด้านนอกระบุผลิตยางปี 2020
หลังจากตรวจสอบรถของกลางเรียบร้อยแล้ว ทางตำรวจจะนำหลักฐานส่งให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ต่อไป ทั้งนี้มีข้อมูลว่ารถคันนี้เป็นรถมือ 2 ที่ซื้อผ่านเต็นท์รถมา ซึ่งเมื่อมาถึงที่บ้านพ่อรถก็ทำสีเป็นสีดำมาแล้ว ก่อนที่จะจอดในบ้านมา 3 ปี ไม่มีใครในบ้านใช้รถคันดังกล่าวเลย
ขณะที่ทีมข่าวช่อง 8 พบเจ้าของป้ายทะเบียนรถที่อยู่บนเบาะหลังในรถเก๋งสีดำของแอมที่ตำรวจยึดจากบ้านพ่อ คือ คุณสุทธิพงศ์ ให้ข้อมูลว่า รถของตนเอง คือ ยี่ห้อมาสด้า สีแดง ซึ่งตนได้ขายทิ้งไปให้ญาติคนหนึ่งตั้งแต่ 6 ปีก่อน โดยโอนลอยไว้ จากนั้นจึงไม่รู้ว่าญาติคนดังกล่าวจะนำไปใช้อะไรต่อ ตนเองไม่ทราบ เพราะไม่ได้ติดต่อกันนานแล้ว
ยอมรับว่า ตกใจที่ป้ายภาษีรถตนเองไปอยู่ที่รถที่นางสาวแอมใช้ด้วย และตนเองยืนยันว่า ตนเองไม่ได้รู้จักกับนางสาวแอมเลยแม้แต่น้อย
ขณะเดียวกัน มีข่าวลือว่า ตำรวจเชิญตัวพ่อแอมไปสอบปากคำ ทำให้ติดต่อพ่อแอมไม่ได้ ทีมข่าวได้ไปพูดคุยกับป้าตั้ว เพื่อนของพ่อแอม ซึ่งป้าตั้วได้ทดลองโทรหาแต่ปรากฏว่าปลายสายเหมือนสายไม่ว่างตลอดเวลา ทั้งที่ป้าบอกว่าปกติโทรติดตลอด
ป้าตั้วจึงลองโทรหาผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเจ้าตัวเคยให้เบอร์ไว้ ปรากฏปลายสายที่รับเป็นผู้หญิง แล้วถามกลับป้าตั้วเชิงว่าจะโทรหาใคร ป้าตั้วชื่ออะไร จนป้าตั้วบอกว่าจะโทรหาพ่อแอม ผู้หญิงปริศนาจึงตอบมาว่าไม่ทราบ ไม่ได้อยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรี ป้าตั้วเลยบอกว่าไม่เป็นไร ผู้หญิงปลายสายจึงพูดว่า อะไร (อารมณ์เสีย) แล้วก็วางสาย
จากนั้นไม่เกิน 10 นาที เสียงผู้หญิงปริศนาคนเดิมได้โทรเข้าเบอร์ป้าตั้ว แล้วพูดชื่อนามสกุลจริงของป้าตั้วขึ้นมา อ้างว่า เข้าเฟซบุ๊กสืบประวัติป้ามาหมดแล้ว แล้วบอกว่า ป้าเป็นคนดี แล้วก็พูดว่ามีตำรวจบังคับครอบครัวแอมไปตรวจดีเอ็นเอที่โรงพยาบาล ทำแบบนี้ทำไม่ถูก ถ้าญาติไม่สมัครใจไม่ควรทำแบบนี้ มันยุ่งยาก นักข่าวก็เยอะ พูดมาก
ป้าตั้วบอกให้หญิงปริศนาเข้ามาช่วย ปลายสายบอกว่าไม่ได้ อยู่คนละพื้นที่ แค่เรื่องแอมก็เหนื่อยแล้ว มีจังหวะหนึ่งที่คนในสายพูดว่า แทนที่ครอบครัวจะบอกว่าไม่ให้การใดๆ ไปตอบแบบนี้ ตำรวจก็ซักละเอียดยิบหลังจากนี้ หญิงปริศนายังแนะว่าตำรวจไม่ได้แจ้งเป็นผู้ต้องหา แจ้งเป็นแค่พยาน พยานก็ต้องตอบเท่าที่ตอบ แต่ถ้าไม่อยากตอบก็ให้บอกว่าจำไม่ได้ เครียด
ส่วนประเด็นที่ตำรวจไปตรวจบ้านพี่สาวแอม แล้วพบแคปซูลยาสมุนไพร ซึ่งอ้างว่าเป็นยาต้านโควิดโดยได้แจกจ่ายให้ชาวบ้านในช่วงที่มีการแพร่ระบาด ทีมข่าวช่อง 8 ได้ไปพบ นายรอด (นามสมมติ) บอกว่า ข่าวที่ว่าพี่สาวแอมเคยแจกแคปซูลสมุนไพรต้านโควิดให้กับชาวบ้านในหมู่บ้าน ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องจริง เพราะความจริงคือเคยแจกให้ตนเพียงคนเดียวในหมู่บ้านเท่านั้น ซึ่งตนกินไปสองวันก็ปรากฏว่าไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น จึงไม่ได้ทานต่อ แต่ก็ไม่ได้เป็นโควิด ส่วนตัวเชื่อว่าเป็นยาสมุนไพรจริงๆ ไม่ได้มีส่วนผสมของไซยาไนด์